xs
xsm
sm
md
lg

Bitkub พร้อมแจงประเด็นร้อน "ภาษีคริปโต" วอนนักเทรดต้องเรียนรู้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



จากกรณีที่มีนักลงทุนเทรดเหรียญคริปโตตั้งคำถามต่อข้อสงสัยของทิศทางการดำเนินธุรกิจของ Bitkub กระดานเทรดเหรียญคริปโตเบอร์หนึ่ง หลังจากที่มีการเข้ามาซื้อหุ้นของกลุ่ม SCBX โดยมี บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ SCBS เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 51% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด

ขณะที่ต่อมาได้มีนักลงทุนตั้งข้อสงสัยถึงความเป็น Decentralized ว่ายังคงเดิมอยู่หรือไม่ หลังบิ๊กธนาคารหลาย ๆ แห่ง เริ่มที่จะกระโจนเข้ามามีส่วนแบ่งเค้กก้อนยักษ์สู่อุตสาหกรรมคริปโตที่มีเม็ดเงินหมุนเวียนนับแสนล้านบาท จากความหลากหลายของผลประโยชน์อันหอมหวานในบล็อกเชน จน และมาสู่คำถามถึงมาตรการจัดเก็บภาษีถึงกว่า 15% ที่ทาง SCB ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือธุรกิจหลังการปรับโครงสร้างใหม่ของ SCBX ได้เผยแพร่ข้อมูลออกไปเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ก่อนที่จะมีการประกาศเปิดเผยต่อสาธารณะถึงการเข้าซื้อหุ้นในวันที่ 2 พฤศจิกายน และทำให้นักลงทุนคริปโตจำนวนไม่น้อย ต่างถกเถียงกันถึงนโยบายการดำเนินธุรกิจของผู้ถือหุ้นใหญ่ที่เข้ามา และการกำหนดมาตรการด้านภาษี จนนักลงทุนหลายคนแสดงความคิดเห็นกันอย่างเผ็ดร้อน ถึงขั้นเตรียมที่จะย้ายเหรียญออกจากกระดานเทรด Bitkub ไปสู่กระดานเทรดอื่น

อย่างไรก็ดีต่อมา ทาง Bitkub ได้ออกมาชี้แจงถึงประเด็นร้อนต่อข้อสงสัยดังกล่าวในมาตรการกำหนดและจัดเก็บภาษีซึ่งเป็นประเด็นที่นักลงทุนหลายคนตั้งคำถามกันว่าด้วยเรื่องของการเสียภาษีคริปโทเคอร์เรนซีว่าสรุปแล้วการถือคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลต้องเสียภาษีหรือไม่? เสียอย่างไร?

ปัจจุบันต้องเสียภาษีจากคริปโทฯ อย่างไร?

ก่อนอื่นต้องชี้แจงก่อนว่าข้อกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการเสียภาษีคริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัล ตามพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร ฉบับที่ 19 พ.ศ. 2561 ระบุไว้ว่า นักลงทุนต้องเสียภาษีเงินได้ 15% จากกำไรที่ได้จากคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลเมื่อคำนวณออกมาเป็นเงินบาท

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน (4 พฤศจิกายน 2021) ทาง Exchange จะเก็บ VAT 7% จากการซื้อขายเท่านั้น ซึ่งถูกรวมไว้ในค่าธรรมเนียมซื้อขายแล้ว

สำหรับการเสียภาษีเงินได้ 15% นักลงทุนต้องคำนวณภาพรวมการซื้อขายว่าได้กำไรหรือขาดทุน หากได้กำไรก็ต้องยื่นและเสียภาษีอย่างถูกต้องด้วยตัวเอง เพื่อป้องกันการถูกเรียกตรวจสอบย้อนหลัง

กำไรที่ได้จากต่างประเทศ

สำหรับนักลงทุนที่ได้กำไรจากการซื้อขายในกระดานต่างประเทศ จะต้องเสียภาษีเงินได้ก็ต่อเมื่อ

1.นักลงทุนอาศัยอยู่ในประเทศไทยเกิน 180 วัน ในปีภาษี (มกราคม - ธันวาคม)
2.นักลงทุนนำกำไรเข้าไทยในปีเดียวกัน

ปัญหาของการคำนวณกำไรจากคริปโทฯ

ข้อกฏหมายระบุเพียงแค่การเสียภาษีเงินได้ 15% แต่การคำนวณ “กำไร” จากคริปโทเคอร์เรนซีในความเป็นจริงมีความซับซ้อนอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น

1.การส่งคำสั่งซื้อขายหลายไม้
2.การจ่ายค่า Gas ที่เป็นต้นทุนสำหรับการลงทุนใน DeFi หรือการซื้อขาย NFT
3.การลงทุนแบบ ICO หรือ IEO แล้วได้กำไร
4.การโอนเหรียญจาก Exchange ต่างประเทศเข้ามาขายในไทย

และปัญหาอื่น ๆ ที่ยังไม่มีระบบภาษีที่ชัดเจน ทำให้การคำนวณต้นทุนกับกำไรทำได้ยาก Exchange ในไทยจึงยังไม่มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ 15% ของนักลงทุน นักลงทุนต้องเป็นผู้ยื่นและเสียภาษีต่อกรมสรรพากรด้วยตัวเอง

นักเทรดจะดูสรุปข้อมูลการซื้อขายบน Bitkub ได้อย่างไร ?

สำหรับการดึงข้อมูลการซื้อขายเพื่อนำมาประกอบการคำนวณต้นทุน-กำไรจากการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลบน Bitkub สามารถทำได้ ดังนี้

บนคอมพิวเตอร์ Desktop

1. เข้าสู่ระบบบัญชีบิทคับ
2. ไปที่ "ประวัติ"
3. สามารถตรวจสอบประวัติธุรกรรมได้จากหน้านี้ (ฝาก, ถอน, คำสั่งซื้อ/ขาย, ค่าธรรมเนียม)
4. หากต้องการดาวน์โหลดประวัติธุรกรรม ท่านสามารถกดที่ปุ่มดาวน์โหลด และเลือกระยะเวลาที่ต้องการได้ โดยจะมีให้เลือกดาวน์โหลด 2 ประเภท คือ 1. รายการเดินบัญชี 2. ใบกำกับภาษี

 หมายเหตุ

1.รายการเดินบัญชีสามารถดาวน์โหลดได้ในช่วงเวลาระยะเวลาไม่เกิน 180 วัน
2.ใบกำกับภาษีสามารถดาวน์โหลดได้ในช่วงเวลาระยะเวลาไม่เกิน 30 วัน

การทำรายการบน Mobile Application

นักลงทุนสามารถตรวจสอบประวัติการทำธุรกรรมบนบัญชีของท่านผ่านแอปพลิเคชันได้ดังนี้
1. เปิดแอป Bitkub บนมือถือ และลงชื่อเข้าใช้งานบัญชีของตนเอง
2. กดที่รูปกระเป๋าสตางค์ "Wallet" ตรงแถบเมนูด้านล่าง
3. กดรูปนาฬิกาที่มุมบนขวา
4. กดที่ "HISTORY" เพื่อดูประวัติการทำธุรกรรม
5. กดที่ "CRYPTO" เพื่อดูสถานะการทำธุรกรรม










กำลังโหลดความคิดเห็น