xs
xsm
sm
md
lg

“ศักดิ์สยาม” จ่อหารือ ศบค.วางมาตรการรับเปิดประเทศ คนไทยเดินทางใช้มาตรฐานเดียวกับนักท่องเที่ยว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
“ศักดิ์สยาม” เตรียมตรวจ “ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ” เช็กความพร้อมมาตรการคัดกรองนักท่องเที่ยวรับเปิดประเทศ 1 พ.ย. คาดเที่ยวบินฟื้น 50% พร้อมสั่งระบบขนส่งภายในประเทศเพิ่มการคัดกรอง จ่อเสนอ ศบค.คนไทยเที่ยวใช้มาตรฐานเดียวกับต่างชาติ เพิ่มความมั่นใจ ลดความเสี่ยง

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศในส่วนของกระทรวงคมนาคมว่า ตามนโยบายที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมเปิดประเทศซึ่งแบ่งเป็น 3 ระยะ โดยระยะที่ 1 วันที่ 1 พ.ย. 2564 ได้รับการฉีดวัคซีนที่ได้รับการรับรองอย่างน้อย 2 โดส มีการตรวจสวอบไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง เข้าไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว ซึ่งในเบื้องต้นมี 10 ประเทศ เช่น อังกฤษ สิงคโปร์ เยอรมนี จีน และอเมริกา ออสเตรเลีย เป็นต้น ระยะที่ 2 วันที่ 1 ธ.ค. 2564 เพิ่มรายชื่อประเทศที่ไม่ต้องกักตัวเพิ่มเติม และรัฐบาลไฟเขียวให้ร้านอาหารสามารถจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และให้ลูกค้านั่งดื่มในร้านได้เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว และระยะที่ 3 วันที่ 1 ม.ค. 2565 ซึ่งจะเพิ่มรายชื่อประเทศเพิ่มเติม โดยแต่ละช่วงจะมีความต่อเนื่องกัน ซึ่งระยะแรกจะมี 10 ประเทศที่มีมาตรฐานทางสาธารณสุขและเศรษฐกิจ ได้แก่ อังกฤษ จีน สหรัฐฯ เยอรมนี สิงคโปร์ เป็นต้น โดยมีเงื่อนไข
วันนี้ (18 ต.ค.) ตนได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานกระทรวงคมนาคมที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางทั้งทางบก ทางราง ทางอากาศ ทางน้ำ โดยในส่วนของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้แนวทางปฏิบัติเป็นไปตามมาตรฐานของสาธารณสุข ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขกำหนด สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) กรมศุลกากร โดยในวันที่ 20 ต.ค. เวลา 13.30 น. ตนจะไปตรวจความพร้อมที่สนามบินดอนเมือง และเวลา 15.00 น. จะไปตรวจที่สนามบินสุวรรณภูมิ และวันที่ 27 ต.ค. จะมีการสรุปความพร้อมในด้านต่างๆ
ทั้งนี้ จากการหารือยังมีความเป็นห่วงเรื่องการคัดกรองผู้โดยสาร โดย ทอท.ยืนยันบูรณาการร่วมกับก.สาธารณสุขแล้ว อีกทั้งมีประสบการณ์ในการตรวจวัดอุณหภูมิโดยใช้เครื่องตรวจแบบอัตโนมัติ ตั้งค่าที่ 37.5 องศาเซลเซียล ซึ่งหากเกินบุคลากรทางการแพทย์จะคัดกรองเพื่อตรวจซ้ำและนำส่งตามขั้นตอน

นอกจากนี้ยังเตรียมระบบขนส่งสาธารณะต่างๆ เชื่อมต่อจากสนามบิน ทั้งรถแท็กซี่ รถตู้ ลิมูซีน ฯลฯ โดยใช้โมเดล “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” มีฉากกั้นระหว่างคนขับกับผู้โดยสาร โดยส่งถึงที่พักไม่แวะระหว่างทาง

สำหรับการเตรียมพร้อมระบบคมนาคมขนส่งในการเดินทางภายในประเทศ ระบบราง รถไฟ รถไฟฟ้า รถโดยสาร ขสมก. จะมีเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าระบบ ซึ่งจะเพิ่มความเข้มข้นในการคัดกรองส่วนการเดินทางระหว่างจังหวัด ทั้งเครื่องบิน ระบบขนส่งอื่นๆ จะมีมาตรการจำหน่ายตั๋วโดยพิจารณาเอกสารยืนยันฉีดวัคซีนครบ 2 โดส เป็นต้น

นายศักดิ์สยามกล่าวว่า มาตรการสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาชัดเจนเรื่องฉีดวัคซีนไม่น้อยกว่า 2 โดส ในส่วนของคนไทยที่จะมีการเดินทางควรใช้มาตรฐานเดียวกับนักท่องเที่ยวหรือไม่ เช่น ควรฉีดวัคซีนไม่น้อยกว่า 2 โดสก่อนซื้อตั๋วเครื่องบิน รวมถึงการเดินทางด้วยรถไฟ รถ บขส. หรือทางน้ำ เป็นต้น เพราะหากคนไทยไม่ใช้มาตรฐานเดียวกันอาจจะเป็นความเสี่ยงของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาหรือไม่ โดยให้ปลัดกระทรวงคมนาคมหารือผู้เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดมาตรการที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน และนำเสนอต่อ ศบค.ต่อไป
“ขณะนี้ยังมีเวลาอีก 12 วันในการเตรียม ซึ่งผมเห็นว่าสำหรับคนไทยควรใช้มาตรฐานเดียวกันกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะการฉีดวัคซีนจะทำให้ลดความรุนแรงหากมีการติดเชื้อ ซึ่งมีข้อมูลจากสาธารณสุขยืนยัน ดังนั้น หากเปิดประเทศก็ควรมีมาตรการให้นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามามั่นใจ ขณะที่คนไทยก็ต้องมั่นใจว่าจะไม่มีเชื้อจากนักท่องเที่ยว จึงจะสามารถเปิดประเทศจริงๆ ทุกคนต้องช่วยกัน เพราะวันนี้เราจะเปิดประเทศ กำลังจะรับนักท่องเที่ยว นักลงทุนต่างชาติ ดังนั้นจะต้องสร้างความเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยปลอดภัย ระบบขนส่งโลจิสติกส์ปลอดภัย ไม่เช่นนั้นเป็นความล้มเหลวในการเปิดประเทศ”

ขณะที่บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) ได้ประเมินเบื้องต้นว่า เปิดประเทศปริมาณเที่ยวบินและผู้โดยสารจะกลับมาอยู่ในระดับ 50% เมื่อเทียบกับปี 2562 ซึ่งมีปริมาณเที่ยวบินกว่า 1.05 ล้านเที่ยวบิน ทั้งนี้ จำนวนผู้โดยสารถ้านับจำนวนหัวจะเท่ากับ 82.5 ล้านคน (ภายในประเทศ 38 ล้านคน ระหว่างประเทศ 44 ล้านคน) โดยขณะนี้การเดินทางของสายการบินสามารถขายตั๋วได้เท่ากับความจุเครื่องบินแล้ว แต่การพักคอย หรือเข้าคิวต่างๆ ในสนามบินจะต้องมีมาตรการเว้นระยะห่างอย่างเคร่งครัดเหมือนเดิม
รายงานข่าวแจ้งว่า รัฐบาลได้คาดการณ์เป้าหมายกรณีเปิดประเทศ คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2564 เพิ่มขึ้น 64% เมื่อเทียบกับที่ไม่มีการเปิดประเทศ รายได้จากการท่องเที่ยวในปี 2565 อยู่ที่ 1.5 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประมาณ 15 ล้านคน สร้างรายได้ประมาณ 6 แสนล้านบาท นักท่องเที่ยวไทยเดินทางสร้างรายได้ประมาณ 8 แสนล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น