xs
xsm
sm
md
lg

เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ช้อปออนไลน์กระหึ่ม ฟินเทค-คริปโตส้มหล่นคนตอบรับพุ่งกระฉูด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:


การสั่งซื้อสินค้าและอาหารออนไลน์ขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงวิกฤตไวรัส
ผลสำรวจชี้นับจากโควิดระบาด มีผู้เลือกใช้บริการช้อปออนไลน์ใน 6 ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงไทย เพิ่มขึ้นถึงราว 70 ล้านคน และคาดว่า ตัวเลขจะเพิ่มเป็น 380 ล้านคนภายใน 5 ปี กระแสนี้ยังส่งให้บริการฟินเทค อาทิ ซื้อก่อน-จ่ายทีหลัง กระเป๋าสตางค์ดิจิตอล และคริปโต ได้รับการยอมรับกว้างขวางยิ่งขึ้นทั้งสำหรับผู้บริโภคและนักลงทุน

ซีเอ็นบีซีรายงานว่า การที่ภาครัฐส่งเสริมให้ประชาชนกักตัวอยู่บ้านเพื่อชะลอการระบาดของไวรัสโคโรนา กระตุ้นให้เอเชียอาคเนย์ให้การต้อนรับบริการดิจิตอล เช่น อี-คอมเมิร์ซ ฟู้ดเดลิเวอรี และการชำระเงินออนไลน์เร็วขึ้น

รายงานของเฟซบุ๊ก และเบน แอนด์ คอมปานี ที่มาจากการสำรวจความคิดเห็นประชาชนกว่า 16,000 คนในอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม พบว่า นับจากโควิดระบาดมีผู้บริโภคสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์เพิ่มขึ้นถึง 70 ล้านคน และคาดว่า จำนวนผู้บริโภคดิจิตอลในเอเชียอาคเนย์จะเพิ่มเป็น 350 ล้านคนภายในสิ้นปีนี้ โดย 70% ของกลุ่มประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไปจะซื้อหาข้าวของเครื่องใช้ทางออนไลน์

เฟซบุ๊กและเบนยังคาดว่า จำนวนนักช้อปออนไลน์ใน 6 ประเทศที่ทำการสำรวจจะเพิ่มเป็น 380 ล้านคนในปี 2026

รายงานแจงว่า ในบรรดาประเทศเหล่านี้ อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่สุดในภูมิภาค จะยังคงมีอัตราเติบโตสูงสุด โดยคาดว่า ผู้บริโภคดิจิตอลจะเพิ่มขึ้น 15% จาก 144 ล้านคนในปี 2020 เป็น 165 ล้านคนในปีปัจจุบัน

อี-คอมเมิร์ซโตกระฉูด
ขณะนี้ หลายพื้นที่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงต้องต่อสู้กับโควิด เนื่องจากการระบาดของสายพันธุ์เดลตาและอัตราการฉีดวัคซีนยังต่ำ การล็อกดาวน์สลับปลดล็อกเป็นระยะและการจำกัดการเดินทางทำให้ผู้บริโภคไม่สามารถออกไปซื้อหาข้าวของตามร้านปกติได้สะดวกเหมือนเดิม เปิดช่องให้ตลาดอี-คอมเมิร์ซยิ่งโตกระฉูด

ผลสำรวจที่จัดทำขึ้นในเดือนพฤษภาคมพบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจที่บอกว่า “ช้อปออนไลน์เป็นส่วนใหญ่” เพิ่มขึ้นจาก 33% ในปีที่ผ่านมา เป็น 45% ในปีนี้ โดยประเทศที่กระแสนี้มาแรงที่สุดคือสิงคโปร์ มาเลเซีย และฟิลิปปินส์

เฟซบุ๊กและเบนคาดว่า การใช้จ่ายออนไลน์เฉลี่ยจะขยายตัวถึง 60% ในปีนี้ จาก 238 ดอลลาร์ (ประมาณ 7,900 บาท) ต่อคนเมื่อปีที่แล้ว เป็น 381 ดอลลาร์ (ประมาณ 12,600 บาท) ต่อคน ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดของผู้ค้าปลีกออนไลน์โดยรวมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มจาก 5% เป็น 9% ซึ่งถือเป็นอัตราเติบโตที่เร็วกว่าในบราซิล จีน หรืออินเดีย

รายงานเสริมว่า ในช่วง 5 ปีข้างหน้า ยอดขายอี-คอมเมิร์ซในเอเชียอาคย์จะเติบโตถึงปีละ 14%
นักลงทุนปลื้มฟินเทค

กระแสการช้อปสนั่นในระบบออนไลน์ยังหนุนนำบริการเทคโนโลยีทางการเงิน (ฟินเทค) เช่น “ซื้อก่อน-จ่ายทีหลัง” กระเป๋าสตางค์ดิจิตอล และคริปโตไปพร้อมกัน

รายงานระบุว่า ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ 88% ของการลงทุนของกองทุนไพรเวทอิควิตี้และเวนเจอร์แคปิตอลในภูมิภาคนี้ไหลเข้าสู่ภาคเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ต และ 56% ในจำนวนนี้อัดฉีดธุรกิจฟินเทค

ดมิทรี เลวิต จากเซ็นโท เวนเจอร์ส ให้สัมภาษณ์ในรายงานว่า ฟินเทคมีแนวโน้มเติบโตสามเท่า เพราะนอกจากผู้คุมกฎจะผ่อนคลายกฎระเบียบแล้ว นักลงทุนยังให้ความสนใจมากขึ้นอย่างชัดเจน

รายงานยังพบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจ 37% บอกว่า เลือกชำระเงินด้วยกระเป๋าสตางค์ดิจิตอล เทียบกับ 28% ที่ชอบใช้เงินสดมากกว่า, 19% ใช้บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต และ 15% เลือกโอนเงินผ่านธนาคาร

ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และเวียดนามเป็นสามประเทศที่ให้การยอมรับกระเป๋าสตางค์ดิจิตอลมากที่สุด โดยมีการขยายตัวถึง 133%, 87% และ 82% ตามลำดับ

รายงานสรุปว่า การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิตอลอย่างรวดเร็วในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ระหว่างวิกฤตไวรัสตอกย้ำโอกาสทองในระบบเศรษฐกิจดิจิตอลของภูมิภาคนี้

จัสติน ฮอลล์ หุ้นส่วนของโกลเด้น เกต เวนเจอร์ส ทิ้งท้ายว่า ตลาดเอเชียอาคเนย์จะเติบโตต่อไปอีกอย่างน้อย 10 ปี และจะมีอุตสาหกรรมและผลิตภัณฑ์เฉพาะกลุ่มแจ้งเกิดมากขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น