xs
xsm
sm
md
lg

หวัง “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ฟื้นอสังหาฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการหดตัวของตลาดรวมอสังหาริมทรัพย์อย่างหนัก โอกาสของการฟื้นตัวของตลาดอสังหาฯ คือกำลังซื้อจากต่างชาติ ดังนั้น ภาคการท่องเที่ยวจึงกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของการกลับมาของกำลังซื้อและดีมานด์จากกลุ่มลูกค้าต่างชาติ โครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” เป็นอีกหนึ่งความหวังในการผลักดันให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยว และอสังหาฯ กลับมาฟื้นตัว และหากการเปิด “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ในครั้งนี้ส่งผลบวกให้ลูกค้าต่างชาติกลับมาได้จริง สิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการอสังหาฯ ต้องทำคือ การเตรียมความพร้อมและสร้างโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าต่างชาติ

กมลภัทร แสวงกิจ
นางกมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทยบริษัท ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวถึงการฟื้นฟูการท่องเที่ยวกระตุ้นแรงซื้อต่างชาติหนุนธุรกิจอสังหาฝ่าวิกฤติโควิด-19 ว่าจากข้อมูลการค้นหาที่อยู่อาศัยของกลุ่มผู้บริโภคที่เข้ามาใช้เว็บไซต์ดีดีพร็อพเพอร์ตี้พบว่า แม้จะอยู่ท่ามกลางภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่การค้นหาข้อมูลที่อยู่อาศัยมีจำนวนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยในอำเภอเมืองภูเก็ต พบว่า มีการค้นหาข้อมูลที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 48% ถลาง 164% กระทู้ 151% ขณะที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีการค้นหาข้อมูลเพิ่มขึ้น 96%

ขณะที่มีการค้นหาข้อมูลที่อยู่อาศัยเพื่อเช่าในจังหวัดภูเก็ตเพิ่มขึ้นแต่มีปริมาณไม่สูงมากโดยพบว่าในอำเภอเมืองภูเก็ต ความต้องการเพิ่มขึ้น 9% ถลาง 17% กระทู้ 13% ส่วนความต้องการเช่าในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์มีความต้องการเพิ่มขึ้น 48% จากตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยยังมีความน่าสนใจโดยเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยว

สำหรับมุมมองถึงโอกาสของการกลับเข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศไทยของกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาตินั้น ดีดีฯ มองว่ากลุ่มชาวต่างชาติที่ยังให้ความสนใจที่อยู่อาศัยในประเทศไทยยังคงเป็นกลุ่มลูกค้าชาวจีน ซึ่งสะท้อนจากตัวเลขการโอนที่อยู่อาศัยในปี 63 ที่ผ่านมาพบว่า กลุ่มลูกค้าชาวจีนมีสัดส่วนกว่า 60% รองลงมาคือ รัสเซีย เยอรมนี อังกฤษ ทั้งนี้ หากมองโดยภาพรวมของเศรษฐกิจแล้วประเทศจีนเป็นหนึ่งในประเทศที่มีจีดีพีขยายตัวสวนทางกับหลายประเทศ ยังเป็นประเทศที่มีประชากรถึง 4,000 ล้านคน และเป็นประเทศที่มีการแบ่งเมืองออกเป็นเทียร์ต่างๆ โ ดยเทียร์อันดับ 1.เป็นเมืองขนาดใหญ่ เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจ เทียร์ที่ 2 มีขนาดเมืองรองลงมา แต่จำนวนประชากรจำนวนมากพอกับ กทม.เช่น เซินเจิ้น เฉิงตู โดยกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศไทยส่วนใหญ่จะมาจากกลุ่มเมืองเมืองระดับเทียร์ 1 และ 2 แต่ระดับเทียร์ 3 เทียร์ 4 ก็เป็นกลุ่มที่น่าสนใจเป็นกลุ่มที่ผู้ประกอบการพัฒนา อสังหาริมทรัพย์ไทยจะสามารถเข้าไปถึงได้เพื่อดึงให้กลุ่มลูกค้าจีนกลับเข้ามาซื้ออสังหาฯ ไทย

“การเติบโตของจีดีพีจีนนั้นมีผลต่อรายได้ของประชากรจีนแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 มีประมาณ 1.8 ล้านครอบครัว แต่ละครอบครัวมีรายได้ในครอบครัวเฉลี่ย 6 ล้านหยวน หรือประมาณ 30 ล้านบาท เป็นเงินที่พร้อมจะลงทุนในประเทศต่างๆ และกำลังพิจารณาว่าจะลงทุนที่ไหนและธุรกิจอะไรดี กลุ่มที่ 2 มีจำนวน 1.08 ล้านครอบครัว มีเงินเพื่อลงทุนมากว่า 10 ล้านหยวน กลุ่มที่ 3 มีประมาณ 77,300 ครอบครัว เป็นกลุ่มที่มีเงินเพื่อการลงทุนมากกว่า 100 ล้านหยวน และกลุ่มที่ 4 มีประมาณ 54,600 ครอบครัว มีเงินลงทุนมากกว่า 450 ล้านหยวน กลุ่มคนในเซกเมนต์เหล่านี้มีอัตราการเติบโตของสินทรัพย์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง“


นางกมลภัทร กล่าวว่า ประเด็นสำคัญคือทำไมคนจีนเหล่านี้ถึงต้องการออกมาลงทุนในประเทศต่างๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการลงทุนในประเทศจีนเมื่อกลุ่มอสังหาฯ นั้นมีราคาขายปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น เซี่ยงไฮ้ ราคาขายอสังหาฯ ต่อตารางเมตร (ตร.ม.) ปัจจุบันปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 500,000 บาทต่อ ตร.ม. ซึ่งเป็นราคาที่ค่อนข้างสูงขณะที่ผลตอบแทนจากการเช่าอยู่ที่ 1% เมื่อเทียบราคาขายคอนโดฯ ในประเทศไทย และผลตอบแทนที่ได้จากคอนโดฯ ไทยขึ้นอยู่ที่ 5-8% จึงดึงดูดมากกว่าทำให้ประชาชนจึงสนใจที่จะนำเงินออกมาลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น โดยธุรกิจที่ชาวจีนสนใจลงทุนในประเทศไทยมากที่สุดคืออสังหาฯ มีราคาต่ำแต่มีผลตอบแทนที่คุ้มค่า

“จากการพูดคุยกับเอเยนซี พบว่า อสังหาฯ ที่มีมูลค่าไปสูงมากโดยมีราคาเฉลี่ยประมาณ 3 ล้านบาท นักลงทุนจีนจะไม่กังวลมากนักเกี่ยวกับการเจรจาซื้อขาย โดยส่วนใหญ่สามารถสื่อสารติดต่อกันผ่านทางด้านออนไลน์ตั้งแต่ขั้นตอนการจองซื้อ เยี่ยมชมโครงการ รวมไปถึงการเซ็นสัญญาซื้อขายและการโอนกรรมสิทธิ์ สาเหตุที่นักลงทุนจีนตัดสินใจซื้อง่ายโดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนเนื่องจากมองว่าการลงทุนในอสังหาฯ ก็เสมือนการซื้อหุ้นซึ่งไม่จำเป็นต้องนั่งบริหารเอง แต่ต้องมีข้อมูลรายงานความเคลื่อนไหวอยู่ตลอด มีความชัดเจนในเรื่องของผลตอบแทนว่าอยู่ในระดับใดหรือต้องใช้ระยะเวลากี่ปีในการทำกำไรสูงกว่าราคาที่ซื้อมา”

ส่วนกลุ่มที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองนั้นเป็นอีกกลุ่มที่มีการออกไปซื้ออสังหาฯ ในต่างประเทศไว้เพื่ออยู่อาศัย เนื่องจากในประเทศจีนรัฐบาลผูกขาดทุกอย่าง ดังนั้น ถ้าคนจีนในกลุ่มนี้จึงมักซื้อที่อยู่อาศัยในต่างประเทศไว้อยู่อาศัยเองโดยราคาที่ซื้อส่วนใหญ่จะมีราคามากกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งมีชาวจีนส่วนใหญ่ที่สนใจซื้ออยู่อาศัยในประเทศไทยโดยเฉพาะในเกาะภูเก็ต เกาะสมุย เชียงใหม่ พัทยา ทำให้อสังหาฯ ไทยยังมีโอกาสในการขยายตลาดในกลุ่มของคนจีนมาก

ขณะที่ราคาขายที่อยู่อาศัยในประเทศจีนมีการปรับตัวขึ้นค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมาทำให้ประชาชนระดับกลางเข้าถึงที่อยู่อาศัยในประเทศได้ยากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อตลาดอสังหาฯ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะประเทศไทยเพราะมีราคาขายที่ไม่สูงเพราะจะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากจีนเข้ามาได้มากขึ้น


สำหรับเป้าหมายของการนำเงินออกมาลงทุนในต่างประเทศของประชาชนจีนโดยเฉพาะการลงทุนในกลุ่มอสังหาฯ ในกลุ่มประเทศเอเชีย ประเทศไทยติดหนึ่งในห้าของประเทศที่มีการนำเงินมาลงทุนในตลาดอสังหาฯ ของจีน ขณะที่ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นักลงทุนจีนที่เข้ามาลงทุนในไทยมีมากกว่า 52% สำหรับกลุ่มชาวจีนที่สนใจเข้ามาลงทุนในอสังหาฯ ไทย อันดับต้นๆ กลุ่มชาวจีนที่อาศัยอยู่ในมณฑลปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางเจา
 เฉิงตู ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเทียร์ที่ 1 ส่วนที่อยู่ในเทียร์ 2 คือ เซินเจิ้น และซีอาน

โดยกลุ่มคนจีนในมณฑลดังกล่าวถือเป็นกลุ่มที่น่าสนใจ และเป็นโอกาสของอสังหาฯ ไทยหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายลง โดยเฉพาะหากในวันที่ 1 ก.ค.นี้ ภูเก็ตสามารถเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาได้ตามแผนเดิมจึงเป็นโอกาสที่ดีกับอสังหาฯ ในภูเก็ต

ทั้งนี้ หากแบ่งกลุ่มของผู้ซื้อชาวจีนที่เข้ามาซื้ออสังหาฯ ไทย สามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มที่ซื้อมาที่อยู่อาศัยระดับราคา 2.5 ล้านบาทมีประมาณ 27% สซื้อที่อยู่อาศัยระดับราคา 2.5-5 ล้านบาท มีสัดส่วน 18% กลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัยระดับราคา 5-10 ล้านบาท มีสัดส่วน 12% กลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัยระดับราคา 10-25 ล้านบาท มีสัดส่วน 9% กลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัยระดับราคา 25-50 ล้านบาท มีสัดส่วน 7% และกลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัยระดับราคา 50 ล้านบาทขึ้นไปมีสัดส่วน 27% โดยเฉพาะในช่วงนี้ถือว่าเป็นโอกาสดีที่ประเทศจีนเปิดประเทศ แล้วอสังหาฯ ไทยจะทำอย่างไรที่จะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าดังกล่าวได้


สำหรับพฤติกรรมของผู้ลงทุนซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศไทยซึ่งเป็นชาวต่างชาติแต่ไม่ใช่คนจีนจะมีพฤติกรรมในการค้นหาข้อมูลผ่านสื่อออนไลน์ หลังจากนั้นหากเกิดสนใจที่จะซื้อหรือสนใจในโครงการไหนจะมีการค้นข้อมูลลึกลงไปจาก google และหากต้องการข้อมูลลึกกว่านั้นจะค้นข้อมูลลงไปในเว็บไซต์ของบริษัทผู้พัฒนาโครงการ จากนั้นจะมีการค้นข้อมูลจากการรีวิวโครงการ จนถึงสุดท้ายหากต้องการที่จะจองซื้อจะติดต่อไปถึงฝ่ายขายของเว็บไซต์ของบริษัทผู้พัฒนาโครงการเอง

ในขณะที่พฤติกรรมความสนใจและการค้นข้อมูลโครงการที่อยู่อาศัยของกลุ่มนักลงทุนชาวจีนจะมีความแตกต่างกันออกไปเนื่องจากคนจีนจะไม่ใช้ Instagram Facebook google นั้นทำให้นักลงทุนจีนส่วนใหญ่จะทราบข้อมูลที่อยู่อาศัยจากอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มและเข้าไปค้นข้อมูลจากเว็บไซต์ไปตู้วีแชต และคีย์โอเพนเนี่ยน ลีดเดอร์ ซึ่งเป็นโซเชียลมีเดียอีกช่องทางหนึ่งที่มากระตุ้นช่วยให้เกิดการขายได้มากขึ้น ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยที่ต้องการจะเจาะตลาดจีนต้องทำการตลาดและสื่อสารกับลูกค้าชาวจีนผ่านช่องทางดังกล่าวให้มากขึ้นและการปิดการขายอสังหาฯ กับกลุ่มผู้บริโภคชาวจีนจะไปจบที่แพลตฟอร์มซึ่งพัฒนาขึ้นโดยเอเยนซีต่างๆ

สำหรับแพลตฟอร์มส่วนใหญ่ที่คนจีนนิยมใช้คือ anjuke.com, weChat, iQiyi, ไปตู้, tiktok, YOUKU ซึ่งเป็นเสมือน YouTube แบบฟอร์มต่างๆ เหล่านี้เป็นช่องทางที่ช่วยให้เข้าถึงผู้บริโภคชาวจีนได้มากยิ่งขึ้น ดังนั้น แนวทางที่จะขยายตลาดไปสู่ประเทศจีนได้ทางเว็บไซต์ดีดีพร็อพเพอร์ตี้แนะนำว่าให้ผู้ประกอบการต้องติดต่อกับเอเยนซีให้ได้ก่อน จากนั้นจึงเริ่มสร้างแบรนด์ให้เข้าถึงกลุ่มคนจีนให้มากขึ้นเพื่อให้ชื่อของบริษัทปรากฏอยู่บนแพลตฟอร์มต่างๆ ของจีน ดังนั้นผู้ประกอบการไทยจึงจำเป็นต้องมีการร่วมมือกับเอเยนต์ในฝั่งของประเทศจีนเพื่อสร้างการเข้าถึงและทำความรู้จักกับกลุ่มลูกค้าชาวจีนซึ่งจะเป็นการปูทางไปสู่ตลาดจีนได้สะดวกขึ้น ซึ่งรูปแบบการดำเนินการเช่นนี้สามารถทำได้ในช่วงเวลาปกติแม้ไม่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็ตาม

พัทธนันท์ พิสุทธิ์วิมล
นายพัทธนันท์ พิสุทธิ์วิมล นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวที่รัฐบาลมีแผนจะเปิดรับนักท่องเที่ยวภายใต้ชื่อ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ซึ่งเป็นโครงการที่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วสามารถเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน โดยมีกำหนดการเริ่มในวันที่ 1 ก.ค.64 ก่อนที่ประเทศไทยจะกลับมาเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวเข้ามาอย่างเต็มรูปแบบ โดยขณะนี้ประชากรในภูเก็ตมีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ไปแล้วมากกว่า 70%

อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลอยู่ว่าการเปิดรับนักท่องเที่ยวของภูเก็ตนั้นจะเป็นความหวังกูในแง่ดีหรือร้าย ทั้งนี้ใน กลุ่มของผู้ประกอบการอสังหาฯ และการท่องเที่ยวภูเก็ตมีการหารือกันมีจุดที่น่าสนใจ 2 ประเด็น คือ 1.ในปัจจุบันที่การท่องเที่ยวภูเก็ตยังสามารถดำเนินการได้เพราะยังมีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางเข้ามาในภูเก็ตแต่เมื่อถึงกำหนดวันที่ 1ก.ค.ที่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาได้นั้นจะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยลดลงหรือไม่เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าแม้จะมีการฉีดวัคซีนครบ 2 โดสตามที่กำหนดแล้วแต่ก็ไม่ได้การันตีว่าจะป้องกันการติดเชื้อได้ทั้งหมด 100%

ประเด็นที่ 2 คือเมื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาภูเก็ตแล้วจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาตามที่มีการคาดหวังหรือไม่เพราะต่างประเทศยังคงมองว่าประเทศไทยนั้นเป็นประเทศที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในระดับสูง ดังนั้น จึงยังไม่มั่นใจได้ว่าหลังการเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในภูเก็ตแล้วจะมีจำนวนมากท่องเที่ยวมากน้อยเท่าไหร่ ขณะเดียวกัน สายการบินต่างๆ ก็ยังไม่มีความพร้อมที่จะบินมาจอดที่ภูเก็ตทุกสายการบิน ในขณะที่เอเยนซีเองก็ยังไม่สามารถการันตีได้ว่านักท่องเที่ยวจะเดินทางเข้ามาได้มากแค่ไหน ทั้งนี้ หากเกิดกรณีที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาแล้วจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาได้น้อย ประกอบกับนักท่องเที่ยวไทยเดินทางเข้ามาลดลงผลที่จะตามมาคือภูเก็ตจะต้องประสบปัญหาหนักกว่าปัจจุบันที่เป็นอยู่

"ต้องเข้าใจว่านักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในภูเก็ตหลักๆ คือ จีน อินเดีย รัสเซีย ซึ่งในปัจจุบันนี้อินเดียมีการระบาดหนักมาก ขณะที่จีนก็ยังไม่เปิดประเทศเดินทางเข้าไทยได้รัสเซียเองก็ยังไม่เปิดประเทศ ดังนั้น ทั้ง 3 ประเทศนี้ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักในระยะแรกจะยังไม่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในภูเก็ต แต่อย่างไรก็ตาม การเปิดภูเก็ตถือเป็นโครงการนำร่องที่จะทำให้ประเทศไทยสามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างชาติได้ ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องยอมให้มีการเปิดภูเก็ตใช้เป็นพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ขณะเดียวกัน ในช่วง 3 เดือนแรกนี้ผู้ประกอบการเองหวังว่าการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ดียิ่งขึ้น และการฉีดวัคซีนมากกว่า 70% นั้นจะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ได้ตามที่เราหวังไว้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจะทำให้ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติจะทยอยกลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น"


นายกอสังหาฯ ภูเก็ตกล่าวว่า สถานการณ์ตลาดอสังหาฯ ภูเก็ตขณะนี้แย่มาก ยอดขายตลาดรวมอยู่ระดับ 10% ของช่วงตลาดปกติถือว่าดีมากแล้วสำหรับกลุ่มที่อยู่อาศัยที่เหลือขายในตลาดขณะนี้ คือทาวน์เฮาส์ซึ่งมีจำนวนเยอะมาก ขณะที่ยอดขายออกน้อยมาก ปัญหาหลักของตลาดภูเก็ตคือรายได้ของประชาชนในพื้นที่ต่ำมากเนื่องจากภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวเมื่อเกิดภาวะการระบาดของโควิด-19 ธุรกิจต่างๆ หยุดชะงัก สถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อเรียกว่าแทบไม่ปล่อยสินเชื่อเลย

เมื่อสถาบันการเงินไม่ปล่อยสินเชื่อ ที่อยู่อาศัยการแข่งขันในตลาดก็สูงขึ้น ผู้ประกอบการอสังหาฯ แย่งลูกค้ากันดุเดือดมากโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อ ผู้ประกอบการบางรายใช้กลยุทธ์การเข้าหาลูกค้าที่มีศักยภาพในการขอสินเชื่อโดยเสนอเงื่อนไขและราคาที่ดีกว่า ทำเลที่ดีกว่าคู่แข่งเพื่อแย่งลูกค้าทันที สำหรับกลยุทธ์หลักๆ ที่ผู้ประกอบการนำมาใช้อยู่ในปัจจุบันคือ กลยุทธ์อยู่ฟรี 1-2 ปีเพื่อให้ผู้ซื้อไม่ต้องแบบภาระการผ่อนส่งค่างวดในช่วง 1-2 ปีแรก และหวังว่าในปีที่ 3 ถัดไปลูกค้าจะมีความสามารถในการผ่อนส่งหลังสถานการณ์เศรษฐกิจและการระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย

ส่วนผู้ประกอบการที่มีสต๊อกบ้านสร้างเสร็จอยู่ในมือต้องพิจารณาเป็นกรณีไป เช่น กลุ่มบ้านในตลาดระดับราคา 8 ล้านบาทขึ้นไปยังสามารถทำยอดขายได้เนื่องจากลูกค้ามองว่าในวันที่ 1 ก.ค.นี้จะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะส่งผลให้ตลาดกลับมาฟื้นตัวเร็วขึ้นซึ่งถือเป็นช่วงสุดท้ายของการลดราคา จึงมีการตัดสินใจซื้อในบ้านกลุ่มนี้มากขึ้น ดังนั้น กลุ่มคนที่มีกำลังซื้อจึงมองว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่เหมาะกับการซื้อมากที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น