xs
xsm
sm
md
lg

BGC ลุ้นตลาดบรรจุภัณฑ์แก้วปีนี้สู่ภาวะปกติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



BGC มองแนวโน้มบรรจุภัณฑ์แก้วปีนี้ฟื้นตัวสู่ภาวะปกติหลังทยอยฉีดวัคซีน COVID ในบางประเทศแล้ว หนุนดีมานด์อาหารและสินค้าอุปโภคบริโภคเติบโตดันการใช้บรรจุภัณฑ์แก้วขยายตัว
 
นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC เปิดเผยว่า จากการประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์แก้วในประเทศและภูมิภาคอาเซียนในปี 2564 คาดว่าจะฟื้นตัวกลับสู่ภาวะปกติ หลังจากพัฒนาวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ได้เป็นผลสำเร็จและในบางประเทศเริ่มทยอยฉีดให้แก่ประชาชนแล้วทำให้ประชาชนทำกิจกรรมนอกบ้านได้ตามปกติ ส่งผลให้ภาพรวมอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภคบริโภคจะกลับมาเติบโตได้ดี และเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เกิดความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์แก้วเพิ่มขึ้น
 
ขณะเดียวกัน บริษัทมองว่าแนวโน้มสำคัญที่มีผลต่ออุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์แก้ว ได้แก่ 1. เทรนด์การเลือกใช้สินค้าที่มีคุณภาพดี (Premiumization) โดยผู้บริโภคในประเทศมีแนวโน้มเลือกซื้อสินค้าที่มีคุณภาพสูงขึ้น และมีบรรจุภัณฑ์สวยงาม โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มของใช้ส่วนตัวและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ส่งผลดีต่อความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์แก้ว ซึ่งสามารถดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคได้ดี 2. เทรนด์การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความสำคัญต่อสุขภาพ (Health Awareness) โดยเฉพาะการเลือกซื้ออาหารและเครื่องดื่ม เนื่องจากบรรจุภัณฑ์แก้วตอบโจทย์ด้านความปลอดภัยไร้สิ่งเจือปน (Purity)
 
3. เทรนด์การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม (Environmental Friendly) ทำให้เกิดการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์แก้วที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลใช้ใหม่ได้ 100% 4. เทรนด์การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์แบบใส (Transparency) เนื่องจากบรรจุภัณฑ์แก้วใสมีจุดเด่นในการกระตุ้นและดึงดูดความต้องการอุปโภคบริโภคของสินค้า โดยผู้บริโภคสามารถมองเห็นความสมบูรณ์และความสดใหม่ของสินค้าภายในบรรจุภัณฑ์ ทำให้เกิดความมั่นใจในการเลือกซื้อสินค้าเพิ่มมากขึ้น
 
และ 5. เทรนด์การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่มีความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) ส่งผลให้เกิดการพัฒนาบรรจุภัณฑ์แก้วดีไซน์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองการบรรจุผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและสามารถดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคและนำไปสู่การตัดสินใจซื้อสินค้า โดยเทรนด์ทั้ง 5 ข้อดังกล่าวถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อการขับเคลื่อนการเติบโตและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์แก้วทั้งในประเทศ และภูมิภาคอาเซียน
 
ปัจจุบันบริษัทฯ มีโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์แก้วใน 5 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา ขอนแก่น ปราจีนบุรี และราชบุรี มีเตาหลอมแก้วรวม 11 เตา ด้วยกำลังการผลิตรวมสูงสุด 3,495 ตันต่อวัน โดยในช่วงที่มีการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของโรค COVID-19 ในช่วงต้นปี 63 ที่ผ่านมา และการระบาดระลอกใหม่ในปัจจุบัน บริษัทฯ และโรงงานทุกแห่งได้ให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของพนักงานเป็นสำคัญ โดยดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเคร่งครัด เช่น การปรับรูปแบบให้พนักงานสามารถทำงานจากที่บ้าน (Work From Home), การเพิ่มทักษะด้านเทคโนโลยีออนไลน์แก่พนักงาน, การใช้มาตรการคัดกรองและมาตรการด้านสุขอนามัยภายในโรงงานทุกแห่งอย่างเข้มงวด ฯลฯ เพื่อความมั่นใจของคู่ค้าและผู้บริโภคในการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์แก้วของบริษัทฯ
กำลังโหลดความคิดเห็น