หุ่นยนต์ฮีโร่ที่ช่วยผู้คนให้อยู่รอดปลอดภัยในช่วงปีที่ผ่านมากลายเป็นดาวเด่นในมหกรรมเทคโนโลยีประจำปีของอเมริกา “คอนซูเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์ โชว์” (ซีอีเอส) ที่ปีนี้ต้องหนีโควิดไปจัดออนไลน์แทน
ซีอีเอสกลายเป็นเวทีประชันของบริษัทพัฒนาหุ่นยนต์ที่เป็น “วีรบุรุษ” สำหรับผู้คนมากมายในช่วงวิกฤตโรคระบาด โดยมีตั้งแต่หุ่นยนต์ที่ทำหน้าที่เพื่อนคู่ใจ ต้อนรับลูกค้า ทำอาหาร โดรนส่งของ ผู้ช่วยหมอ ตลอดจนถึงการจัดการงานอันตรายแทนคน เช่น การฆ่าเชื้อในออฟฟิศและสถานพยาบาล
หุ่นยนต์คู่ใจได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาที่มาตรการล็อกดาวน์ทำให้คนมากมายต้องอยู่โดดเดี่ยว โดยเฉพาะผู้สูงวัย
ระหว่างการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดในฝรั่งเศส หุ่นยนต์ Cutii (คิวตี้) กลายเป็นขวัญใจในสถานพักฟื้นคนชรา
อองตวน บาไต ประธานบริหารคิวตี้ บอกว่า วิกฤตไวรัสทำให้โมเดลธุรกิจของบริษัทเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เช่น จากที่เคยวางตำแหน่งคิวตี้เป็นหุ่นยนต์ผู้ช่วยในบ้าน แต่บริษัทกลับต้องเปลี่ยนแผนมาจัดการความรู้สึกโดดเดี่ยวของผู้ใช้แทน
สตาร์ทอัพแดนน้ำหอมแห่งนี้ส่งหุ่นยนต์คู่ใจคิวตี้ 30 ตัวให้สถานดูแลผู้สูงวัยฟรีระหว่างช่วงล็อกดาวน์ และนำประสบการณ์การใช้งานเหล่านั้นมาปรับปรุงเทคโนโลยีและฝึกฝนสมาชิกทีม
บาไตเสริมว่า ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี โดยบริษัทส่งซอฟต์แวร์ไปให้สถานดูแลผู้สูงวัยเหล่านั้นอัพเดตหุ่นยนต์ทุก 2 สัปดาห์
คิวตี้ที่ผสมผสานองค์ประกอบของหุ่นยนต์การประชุมทางไกลกับผู้ช่วยดิจิตอลอัจฉริยะเป็นส่วนหนึ่งของงานซีอีเอสปีนี้ที่รูดม่านเปิดงานเมื่อวันจันทร์ (11) หลังจากเผยโฉมในฝรั่งเศสและเริ่มทำตลาดในอเมริกาแล้ว
ริชาร์ด มาร์แชลล์ ประธานปฏิบัติการคิวตี้ในอเมริกา บอกว่า วิกฤตโควิดแสดงให้เห็นว่า ลูกค้าต้องการมากกว่าผู้ช่วยอัจฉริยะอย่างกูเกิลหรือแอมะซอน อเล็กซา
หุ่นยนต์จากฝรั่งเศสรุ่นนี้ออกแบบมาเพื่อช่วยให้สมาชิกครอบครัวสื่อสารกัน และยังช่วยหากิจกรรม เช่น คลาสโยคะหรือไทเก็ก ตอกย้ำคอนเซ็ปต์ของบริษัทในการเป็นตัวกลางเชื่อมโยงผู้คน
เวนดี้ มอเอล ศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยกริฟฟิธในออสเตรเลียซึ่งเชี่ยวชาญการวิจัยเกี่ยวกับผู้สูงวัย บอกว่า งานศึกษาหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่า คนอาจพัฒนาความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับหุ่นยนต์คู่ใจแบบเดียวกับความสัมพันธ์ระหว่างคนแก่กับสุนัข แต่ปัญหาคือเทคโนโลยีปัจจุบันสำหรับหุ่นยนต์ส่วนใหญ่ไม่ซับซ้อนพอทำให้คนจำนวนมากผิดหวังหลังใช้ไปได้พักหนึ่ง
กระนั้น วันนี้หุ่นยนต์เริ่มมีบทบาทมากขึ้นในออฟฟิศและสถานพยาบาลในยุคที่สังคมจำเป็นต้องเว้นระยะห่าง
มิสตี้ โรโบติกส์ ผู้ผลิตแพลตฟอร์มหุ่นยนต์ที่เปิดกว้างสำหรับผู้พัฒนาภายนอก เปิดตัวแอปคัดกรองอุณหภูมิสำหรับสถานที่ทำงานและสถานพยาบาล และยังทำงานร่วมกับพันธมิตรที่สร้างหุ่นยนต์คู่ใจหรือผู้ช่วยดิจิตอล
ทิม เอ็นวอลล์ ประธานบริหารมิสตี้ โรโบติกส์ บอกว่า วิกฤตไวรัสทำให้ง่ายขึ้นที่คนจะมองหุ่นยนต์เป็นเพื่อนที่ไม่มีพิษมีภัย โดยเฉพาะผู้สูงวัยที่ไม่ค่อยติดต่อใครและกลัวโควิด ซึ่งยิ่งทำให้เหงาและโดดเดี่ยวมากขึ้น
เขาสำทับว่า ในสภาพแวดล้อมการทำงาน หุ่นยนต์อย่างมิสตี้กลายเป็น “พนักงานต้อนรับ” ที่เป็นมิตรและช่วยลดโอกาสในการติดต่อหรือสัมผัสระหว่างคนจึงช่วยลดความเสี่ยงในการติดโควิด
นอกจากนั้นยังมีบริษัทอีกหลายแห่งที่นำนวัตกรรมไปแสดงในซีอีเอส ซึ่งรวมถึงแอลจีของเกาหลีใต้
หุ่นยนต์ของแอลจีใช้แสงยูวีฆ่าเชื้อบริเวณที่มีคนผ่านไปผ่านมาจำนวนมากและพื้นผิวที่มีการสัมผัส และตอนนี้หุ่นยนต์ฆ่าเชื้อนี้เริ่มไปปรากฏตัวตามโรงแรม โรงเรียน สำนักงาน ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร และฮับขนส่ง เช่น สนามบินและสถานีรถไฟหลายแห่งในอเมริกา
แอลจีเดิมพันว่า ความต้องการยกระดับสุขภาพและความปลอดภัยจะคงอยู่ต่อไปแม้หลังโลกควบคุมโควิดอยู่หมัด
ขณะเดียวกัน อเล็กซ์ บาร์เซเกียน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารโรโบอีตซ์ สตาร์ทอัพที่ก่อตั้งในแลตเวียและปัจจุบันมีสำนักงานใหญ่ในแคนาดา บอกว่า เทคโนโลยีครัวอัตโนมัติได้รับความสนใจมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีมานี้และยิ่งมาแรงในช่วงโรคระบาด
โรโบอีตซ์กำลังเปิดตัวระบบครัวอัตโนมัติด้วยเทคโนโลยีเอไอที่สามารถเตรียม ปรุง และเสิร์ฟอาหารทั้งร้อนและเย็น
ระบบหุ่นยนต์นี้ที่ออกแบบมาสำหรับบริการอาหารในออฟฟิศ วิทยาลัย และโรงพยาบาล ตลอดจนถึงร้านอาหารจานด่วน สามารถแทนที่งานบางอย่างในการจัดเตรียมอาหาร อีกทั้งยังปรับปรุงความปลอดภัยของอาหาร และลดความเสี่ยงการติดเชื้อจากห้องครัวที่ไม่มีพื้นที่ให้เว้นระยะห่างทางสังคม
บาร์เซเกียนเสริมว่า ไอเดียหุ่นยนต์เตรียมอาหารยังช่วยลดขยะและค่าแรง และได้รับความสนใจมากขึ้นเนื่องจากโรคระบาด
โรโบอีตซ์มีแผนเปิดร้านอาหารในแลตเวียในเดือนนี้ควบคู่กับการทำตลาดครัว “เบ็ดเสร็จ” ในอเมริกาเหนือ และบาร์เซเกียนทิ้งท้ายว่า หลังจบโรคระบาด เทรนด์สุขภาพและความปลอดภัยในครัวจะยังได้ไปต่อเพราะจะไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไป