xs
xsm
sm
md
lg

“สุวัฒน์” เผยนครสวรรค์ไบโอฯ คืบ 70% สานต่อแผนนำ GGC ผู้นำเคมีภัณฑ์เพื่อ สวล.

เผยแพร่:



“สุวัฒน์” เอ็มดี GGC คนใหม่ พร้อมสานต่อกลยุทธ์และโครงการต่างๆ เพี่อก้าวสู่การเป็นผู้นำโอลีโอและเคมีภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม แย้มโครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ คืบหน้า 70% คาดผลิตเชิงพาณิชย์ไตรมาส 4/64 

นายสุวัฒน์ กมลพนัส กรรมการผู้จัดการคนใหม่ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC เปิดเผยว่า ตนจะสานต่อและขับเคลื่อนโครงการต่างๆ ของ GGC ตามแผนและกลยุทธ์ของบริษัทฯ ที่วางไว้ เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมโอลีโอเคมี และเคมีภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าทางการเกษตร และยกระดับความเป็นอยู่ของเกษตรกร พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจบนหลักความยั่งยืน ควบคู่ไปกับการพัฒนาตามโมเดล BCG ของประเทศไทย 

โดยแผนงานที่ GGC กำลังดำเนินงานอยู่ในขณะนี้ คือ การสานต่อและขับเคลื่อนโครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ สู่การเป็น Bio Hub แห่งแรกของประเทศไทยแบบครบวงจร ซึ่งเป็นโครงการที่สอดรับกับแนวนโยบายของภาครัฐและเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาตาม BCG Model คือ การพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม โดยเน้นไปที่เศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) เป็นการใช้ทรัพยากรชีวภาพเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม พัฒนาและต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง ภายใต้เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ที่มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนไปพร้อมกัน โดยโครงการดังกล่าวเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท จีซีซี ไบโอเคมิคอล จำกัด (GGC Bio) และบริษัท เคทิส ไบโอเอทานอล จำกัด (KTBE) ซึ่งโครงการแบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 มุ่งเน้นการต่อยอดสู่เชื้อเพลิงชีวภาพ (Biofuel) ประกอบด้วย โรงหีบอ้อย โรงงานเอทานอล โรงงานไฟฟ้าชีวมวลและผลิตไอน้ำความดันสูง ปัจจุบันมีความคืบหน้าการก่อสร้างไปแล้วกว่า 70% คาดว่าจะดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาสที่ 4/2564 และทันฤดูกาลหีบอ้อยปี 2564 และ 2565

หลังจากนั้นจะเป็นการขยายธุรกิจเพื่อตอบโจทย์ BCG Economy Model ด้วยการสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ (Eco System) ในนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ เพื่อดึงดูดพาร์ทเนอร์ต่างๆ ที่มีเทคโนโลยีมาเข้ามาร่วมลงทุนในระยะที่ 2 ที่มุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าทางการเกษตร เพื่อต่อยอดสู่อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพ (Bioplastic) และเคมีชีวภาพ (Biochemicals) ที่ใช้อ้อยเป็นวัตถุดิบ โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เป็นมิตรกับสังคมและสิ่งแวดล้อม ขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการและรอการตอบรับจากผู้ที่สนใจ

นายสุวัฒน์กล่าวว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจภายใต้ “ภาวะปกติใหม่” (New Normal) GGC ยังคงดำเนินการอย่างระมัดระวัง แม้ว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังจะมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทยอยกลับมาเปิดบริการอีกครั้ง แต่ปัจจัยเสี่ยงในด้านลบยังมีความไม่แน่นอนสูง อาทิ ความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ระลอกสอง สถานการณ์ภัยแล้ง และเสถียรภาพการเมืองในประเทศ ทำให้บริษัทฯ ต้องมีการติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ประกอบกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป หันมาให้ความสำคัญเรื่องการดูแลทำความสะอาดและใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลมากขึ้น โดยเฉพาะเจลแอลกอฮอล์ที่มีส่วนผสมของกลีเซอรีนบริสุทธิ์ ที่มีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้นกับผิวหนัง ส่งผลให้ผลประกอบการในไตรมาสที่ 2/2563 ยอดขายกลีเซอรีนบริสุทธิ์ของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นในระยะยาว แต่คาดว่าจะไม่กระทบกับตลาดโดยรวมมากนัก เนื่องจากกลีเซอรีนเป็นส่วนประกอบที่ให้ความชุ่มชื้นในเจลดังกล่าวเพียง 0-2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

ขณะที่ยอดขายผลิตภัณฑ์เมทิลเอสเทอร์ (B100) และแฟตตี้แอลกอฮอล์ ปรับตัวลดลงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยที่เมทิลเอสเทอร์ (B100) ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของรัฐบาล ส่งผลให้การเดินทางของภาคประชาชนและภาคขนส่งลดน้อยลง ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงมีการประสานกับลูกค้าอย่างใกล้ชิดและแสวงหาลูกค้ากลุ่มใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสในการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทมากขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น