xs
xsm
sm
md
lg

ไวรัส “อู่ฮั่น” แพร่สู่ตลาดหุ้น / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ข่าวร้ายกระหน่ำใส่ตลาดหุ้นเป็นระลอก เริ่มจาก ผลประกอบการธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหมาย จุดชนวนให้เกิดการเทขายหุ้นกลุ่มธนาคาร ตามด้วยเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ “โคโรนา” ที่แพร่กระจายจากเมืองอู่ฮั่น ทำให้หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวถูกถล่มตามมา

ดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ที่ขยับทะลุ 1,600 จุด ต้องถอยลงมาตั้งหลักใหม่อีกครั้ง เพราะปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบทั้งจากภายในและภายนอก

ตลาดหุ้นมีปฏิกิริยาตอบรับข่าวร้ายที่รวดเร็วมาก โดยหลังจากธนาคารไทยพาณิชย์ประกาศงบการเงินไตรมาสที่ 4 และงบการเงินรวมปี 2562 แรงขายไหลบ่าเข้ามาในหุ้น SCB ทันที ก่อนจะลุกลามไปสู่หุ้นธนาคารทั้งกลุ่ม

และหลังจากจีนประกาศว่า เชื้อร้ายสายพันธุ์ใหม่ “โคโรนา” สามารถแพร่จากคนสู่คนได้  และมีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อร้ายเพิ่มขึ้น หุ้นบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ก็ถูกถล่มตามมา พร้อมกับหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ติดเชื้อร้ายไปด้วย โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ทรุดลงกว่า 150 จุด เมื่อวันอังคาร เมื่อตรวจพบว่า ชาวสหรัฐฯ ที่เดินทางกลับจากเมืองอู่ฮั่นของจีน ติดเชื้อไวรัสโคโรนา

ความกลัวเชื้อโรคร้าย ทำให้นักท่องเที่ยวระงับการเดินทาง ทุกคนพยายามป้องกันตัวเอง โดยอยู่แต่ในบ้าน หลีกเลี่ยงที่ชุมชน สายการบินถูกกระทบ โรงแรมถูกยกเลิกการจอง สนามบินมีลูกค้าใช้บริการน้อยลง ธุรกิจทั่วโลกซบเซาลง

หุ้นทั่วโลกจึงทรุดฮวบเพราะพิษเชื้อร้ายไวรัสสายพันธุ์ใหม่

ย่างเข้าสู่ปี 2563 หรือปีหนูทองเพียงไม่กี่วัน ข่าวร้ายเข้ามาเล่นงานตลาดหุ้นจนอ่วม ดัชนีหุ้นที่ทำท่าจะวิ่งผ่านทะลุ 1,600 จุดไปได้ดี ต้องสะดุดลง โดยยังไม่พูดถึงปัจจัยการเมืองภายในประเทศ ประเด็นร่างงบประมาณปี 2563 ที่ผ่านมาสภาฯ มาแล้ว ซี่งไม่รู้ว่าจะต้องเป็นโมฆะหรือไม่

เพราะ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย เสียบบัตรลงคะแนนเสียงโหวตรับร่างแทนกัน ซึ่งกำลังเป็นปมร้อนทางการเมือง หลังจากคดียุคพรรคอนาคตใหม่จบลง โดยศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง

โบรกเกอร์บางแห่งเริ่มปรับประมาณการผลกำไรบริษัทจดทะเบียนปีนี้กันแล้ว โดยบางสำนักคาดว่า กำไรบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 101 บาทต่อหุ้น ลดลงจากประมาณการเดิมที่คาดว่า จะอยู่ที่ประมาณ 111 บาทต่อหุ้น

เมื่อปรับลดกำไรบริษัทจดทะเบียนลง จะต้องปรับลดประมาณการเป้าหมายดัชนีหุ้นตาม จากเดิมที่โบรกเกอร์ส่วนใหญ่คาดว่า ดัชนีหุ้นปลายปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 1,700 จุด

ส่วนผลประกอบการของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ยังน่ากังวลอยู่ เพราะแม้กำไรปี 2562 เติบโตได้เล็กน้อย แต่ ตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอลพุ่งขึ้น และเมื่อปีนี้เศรษฐกิจมีแนวโน้มหัวทิ่ม ซึ่งจะทำให้เอ็นพีแอลพุ่งขึ้นต่อเนื่อง

บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นตกอยู่ในภาวะ “หงอย” มา 2 ปีแล้ว ส่วนแนวโน้มปีนี้ยังไม่มีโบรกเกอร์สำนักใดมองโลกสวยมากนัก โดยแต่ละโบรกเกอร์มีคำเตือนให้นักลงทุนระมัดระวังในความเสี่ยง เพราะปัจจัยลบและข่าวร้ายเต็มไปหมด

ปีนี้อาจเป็นปีที่ 3 ที่นักลงทุนยังลำบากยากเข็ญในการทำมาหากินกับตลาดหุ้น เพราะโอกาสเก็บเกี่ยวกำไรน้อยมาก แต่ปัจจัยเสี่ยงมากมาย

ผลกระทบจาก ไวรัสจากเมืองอู่ฮั่น ไม่รู้จะสิ้นฤทธิ์เมื่อไหร่ ปัญหาการเสียบบัตรแทนกัน ซึ่งอาจทำให้ร่างงบประมาณปี 2563 เป็นโมฆะ ไม่รู้ว่าจะลุกลามบานปลาย จนเกิดวิกฤตการเมืองหรือไม่

เศรษฐกิจปีนี้ผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นแล้วว่าไม่ฟื้น

อย่าแปลกใจว่า ทำไมดัชนีหุ้นตีฝ่า 1,600 จุดไม่ได้ รอดูดีกว่าว่า จุดต่ำสุดตลาดหุ้นปีนี้อยู่ตรงไหน และคงไม่ใช่แถวนี้ 1,670 จุดแน่




กำลังโหลดความคิดเห็น