xs
xsm
sm
md
lg

“ไมโครลิสซิ่ง” ยื่นไฟลิ่งขาย IPO จำนวน 235 ล้านหุ้น เล็งเข้าเทรดใน SET

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



"ไมโครลิสซิ่ง" ยื่นไฟลิ่งขาย IPO จำนวน 235 ล้านหุ้น เล็งเข้าเทรดใน SET โดยมีบริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมี บล.เอเซีย พลัส เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เล็งใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อ-คืนหนี้-ขยายสำนักงาน-ลงทุน IT

บมจ.ไมโครลิสซิ่ง (MICRO) ยื่นไฟลิ่งเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 235 ล้านหุ้น คิดเป็น 25.1% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ และบริษัทฯ มีความประสงค์จะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยมีบริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมี บล.เอเซีย พลัส เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

วัตถุประสงค์การใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้เพื่อเป็นเงินทุนในการขยายธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อ, ชำระคืนหนี้เงินกู้ยืมสถาบันการเงิน, ลงทุนขยายอาคารสำนักงาน และลงทุนในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ

MICRO ประกอบธุรกิจหลักในการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง เช่น รถบรรทุก 6 ล้อ 10 ล้อ และ 12 ล้อ เป็นต้น บริษัทมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้ารายย่อยทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่มีความประสงค์จะเช่าซื้อรถบรรทุกมือสองสำหรับใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่น ให้บริการรับจ้างขนส่งสินค้า หรือใช้สำหรับงานขนส่งสินค้าภายในกิจการ นอกจากนี้ บริษัทยังให้บริการสินเชื่อรูปแบบอื่นๆ เช่น สินเชื่อเพิ่มสภาพคล่อง ซึ่งเป็นสินเชื่อที่มีทะเบียนรถบรรทุกแบบโอนเล่มเป็นหลักประกัน และสินเชื่อรีไฟแนนซ์ (Refinance) สำหรับลูกค้าปัจจุบันที่มีประวัติการผ่อนชำระดีที่ต้องการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน บริษัทยังให้บริการอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจเช่าซื้อซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท เช่น การประสานงานเพื่อต่ออายุประกันภัยและ พ.ร.บ. เป็นต้น

บริษัทให้บริการสินเชื่อแก่ลูกค้าผ่านผู้ประกอบการเต็นท์รถบรรทุกมือสองเป็นหลัก ซึ่งในปัจจุบันบริษัทมีเครือข่ายผู้ประกอบการเต็นท์รถบรรทุกมือสองเกือบ 300 ราย อีกทั้งยังมีเครือข่ายนายหน้าที่กระจายอยู่ตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศอีกกว่า 50 ราย นอกจากนี้ ลูกค้าสามารถติดต่อเพื่อขอรับบริการสินเชื่อได้ที่สำนักงานใหญ่ในจังหวัดนครปฐมและสาขาของบริษัท ซึ่งในปัจจุบันมีจำนวน 12 สาขาในเขตพื้นที่ภาคกลางและต่างจังหวัด โดย ณ วันที่ 30 ก.ย. 62 บริษัทมีบัญชีลูกหนี้จำนวนทั้งสิ้น 3,701 สัญญา และมียอดลูกหนี้เช่าซื้อคงเหลือ (ก่อนหักค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ) จำนวน 1,852.7 ล้านบาท

ในช่วง 3-5 ปีข้างหน้าบริษัทจะยังคงมุ่งเน้นการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสองเป็นหลัก โดยมุ่งเน้นการรักษาฐานลูกค้าเดิมและการขยายลูกค้าใหม่ผ่านการขยายเครือข่ายผู้ประกอบการเต็นท์รถบรรทุกมือสองและการเพิ่มจำนวนสาขาในภูมิภาคต่างๆ เพื่อให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสองของบริษัทครอบคลุมทุกพื้นที่และสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทั่วประเทศ นอกจากนี้ บริษัทจะให้ความสำคัญต่อการปรับปรุงและพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการอนุมัติสินเชื่อ เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและสามารถรองรับการขยายธุรกิจสินเชื่อประเภทอื่นเพิ่มเติมได้ในอนาคต

สำหรับแผนธุรกิจระยะยาว บริษัทมีแผนจะเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์สินเชื่อ โดยการนำเสนอสินเชื่อประเภทอื่นเพิ่มเติมเพื่อให้บริการสินเชื่อแก่กลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น และสามารถตอบสนองต่อความต้องการทางการเงินแก่ลูกค้าได้อย่างครบวงจร เช่น สินเชื่อ Floor Plan เพื่อผู้ประกอบการเต็นท์รถบรรทุกมือสองซึ่งเป็นคู่ค้าทางธุรกิจที่มีความสำคัญต่อบริษัท เพื่อใช้เป็นแหล่งเงินทุนในการจัดซื้อรถยนต์เพื่อจำหน่าย และสินเชื่อ Top-up สำหรับลูกค้าที่อยู่ระหว่างการผ่อนชำระ แต่ต้องการเพิ่มสภาพคล่องภายใต้วงเงินของหลักประกันเดิม

โครงการในอนาคคต บริษัทมีแผนขยายพื้นที่สำนักงานใหญ่รองรับการเติบโตของธุรกิจรวมถึงอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าและผู้ที่เกี่ยวข้องที่มาใช้บริการ โดยในปี 62 บริษัทได้เข้าซื้อที่ดินเนื้อที่ 1 ไร่ ตั้งอยู่ที่ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม มูลค่าที่ดินรวม 17 ล้านบาท บริษัทมีแผนจะพัฒนาที่ดินดังกล่าวเป็นอาคารสำนักงาน 7 ชั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบอาคารและว่าจ้างที่ปรึกษาสำหรับการออกแบบอาคาร โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในปี 64 แล้วเสร็จในปี 65 และใช้เงินลงทุนทั้งสิ้นโดยประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะใช้แหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงิน และเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ หรือเงินที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้

นอกจากนี้ ปี 63 บริษัทยังมีแผนพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ Mobile Application สำหรับการรวบรวมข้อมูลลูกค้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้พนักงานสาขาส่งข้อมูลมายังสำนักงานใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว เช่น การนำส่งข้อมูลเลขที่บัตรประจำตัวประชาชนด้วยระบบ Smart Card Reader ให้สำนักงานใหญ่ตรวจสอบประวัติข้อมูลการค้างชำระของลูกค้าผ่านทางฐานข้อมูลเครดิตบูโร การอัพโหลดภาพถ่ายที่พักอาศัย ภาพถ่ายหลักประกันของผู้ขอสินเชื่อ เพื่อยืนยันความถูกต้องของแหล่งที่อยู่อาศัย/หลักประกัน เข้าในระบบสินเชื่อได้ทันที ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาในการแจ้งผลการพิจารณาอนุมัติวงเงินสินเชื่อ รวมถึงการลดข้อผิดพลาดในการบันทึกข้อมูลของพนักงานสาขา อีกทั้งระบบดังกล่าวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บข้อมูลในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้บริษัทสามารถเรียกดูข้อมูลของลูกหนี้นอกสถานที่ได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้บริษัทคาดว่าจะใช้งบลงทุนเพื่อพัฒนาระบบ Mobile Application ประมาณ 10 ล้านบาท และคาดว่าระบบจะพัฒนาแล้วเสร็จภายในปี 63

ทั้งนี้การพัฒนาอาคารสำนักงานจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความพร้อมด้านการดำเนินการและแหล่งเงินทุนของบริษัท ขั้นตอนในการขอใบอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น การเปลี่ยนแปลงโดยตรงและโดยอ้อมของปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อระยะเวลาการพัฒนาโครงการ ดังนั้น บริษัทอาจปรับเปลี่ยนแผนการลงทุนในโครงการต่างๆ ตามความเหมาะสม เพื่อให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทได้รับผลตอบแทนสูงสุด

ผลดำเนินงานของบริษัทฯ ณ 30 ก.ย.2562 สินทรัพย์รวม 1,927.7 ล้านบาท หนี้สินรวม 926.0 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 1,046.7 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทมีรายได้รวมในปี 59-61 จำนวน 171.6 ล้านบาท 227.0 ล้านบาท และ 258.6 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตของรายได้ (Compound Annual Growth Rate: CAGR) ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเท่ากับ 22.8% ต่อปี รายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นรายได้ดอกเบี้ยรับจากสัญญาเช่าซื้อ ซึ่งเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อของบริษัท จากการที่บริษัทมุ่งเน้นดูแลรักษาฐานลูกค้าเดิมรวมถึงการขยายฐานลูกค้าใหม่ผ่านการเพิ่มจำนวนสาขาและการขยายเครือข่ายผู้ประกอบการเต็นท์รถบรรทุกมือสองซึ่งเป็นช่องการจัดหาลูกค้าที่สำคัญของบริษัท ส่งผลให้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับ 9 เดือนแรกของปี 62 บริษัทมีรายได้รวม 234 ล้านบาท ประกอบด้วย รายได้ดอกเบี้ยเช่าซื้อจำนวน 201.3 ล้านบาท คิดเป็น 86.0% ของรายได้รวม รองลงมาเป็นรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ และรายได้อื่น ซึ่งมีจำนวน 28.0 ล้านบาท และ 4.8 ล้านบาท คิดเป็น 12.0% และ 2.0% ของรายได้รวม ตามลำดับ รายได้รวมในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 เพิ่มขึ้น 44.9 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น23.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยเช่าซื้อ ซึ่งเป็นผลจากเติบโตของพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อ อย่างไรก็ดี อัตราดอกเบี้ยรับของบริษัทมีแนวโน้มปรับตัวลดลงเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลจากการที่บริษัทมีสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อรถบรรทุกที่มีอายุการใช้งานน้อยเพิ่มขึ้น เนื่องจากโดยทั่วไปรถบรรทุกที่มีอายุน้อยจะมีอัตราดอกเบี้ยรับที่ต่ำกว่ารถบรรทุกที่มีอายุการใช้งานสูง

กำไรสุทธิของบริษัทสำหรับปี 59-61 และในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 มีจำนวน 49.7 ล้านบาท 60.8 ล้านบาท 89.9 ล้านบาท และ 77.8 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 29.0% , 26.8% , 34.8% และ 33.2% ตามลำดับ กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับรายได้ดอกเบี้ยเช่าซื้อที่เพิ่มขึ้น

ณ วันที่ 5 ม.ค.63 บริษัทมีทุนจดทะเบียน 935 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 935 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท และมีทุนชำระแล้วจำนวน 700 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 700 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ 235 ล้านหุ้น บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนและชำระแล้ว 935 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 935 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ณ วันที่ 31 ธ.ค.2562 ประกอบด้วย กลุ่มครอบครัวคุณธรรมศักดิ์ ถือหุ้น 522,018,000 หุ้น คิดเป็น 74.6% หลังเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 55.8%, กลุ่มครอบครัวจิโรธนภาส ถือหุ้น 42 ล้านหุ้น คิดเป็น 6% หลังเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 4.5%, กลุ่มครอบครัวเติมคุนานนท์ ถือหุ้น 35 ล้านหุ้น คิดเป็น 5%หลังเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 3.8%

บริษัทมีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักสำรองต่างๆ ทุกประเภทที่กฎหมายและบริษัทกำหนดไว้ในแต่ละปี
กำลังโหลดความคิดเห็น