xs
xsm
sm
md
lg

BGRIM โกยกำไร 9 เดือนแรก 1.9 พันล้าน เร่งศึกษาโรงไฟฟ้า-นำเข้า LNG ในเวียดนาม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



BGRIM โชว์กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกปีนี้ 1.9 พันล้านบาท โตขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน พร้อมจับมือ Petro Vietnam Power Corporation-JSC ศึกษาการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เป็นเชื้อเพลิงในเวียดนาม รวมถึงการนำเข้าและจำหน่าย LNG


นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ หรือ BGRIM เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2562 ว่า บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการเพิ่มขึ้น 21% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเป็นผลมาจากการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าถึง 856 เมกะวัตต์ ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา จากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ 11 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้า SPP 1 โครงการ (APBR5), โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย 7 โครงการ, โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ Nam Che 1 ใน สปป.ลาว และโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเวียดนาม 2 โครงการ และการเข้าซื้อโครงการ SPP1 ในเดือนมีนาคม 2562

กำไรสุทธิไตรมาส 3/62 อยู่ที่ 763 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเล็กน้อยที่มีกำไรสุทธิ 794 ล้านบาท เป็นไตรมาสแรกที่รับรู้ผลการดำเนินงานเต็มไตรมาสโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเวียดนาม (DT1&2 และ Phu Yen TTP) และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ Nam Che 1 ซึ่งเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนมิถุนายน 2562 ประกอบกับปริมาณการใช้เชื้อเพลิง (heat rate) ของโครงการโรงไฟฟ้า ABP3 ที่ลดลงหลังจากการปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องผลิตไฟฟ้ากังหันก๊าซเสร็จสิ้นในช่วงต้นปี ขณะที่อัตรากำไร EBITDA ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 28.3% จากเพิ่มขึ้นของสัดส่วนรายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งให้อัตรากำไร EBITDA ในระดับสูง

ส่วนผลดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปีนี้บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,921ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,732 ล้านบาท

นางปรียนาถกล่าวว่า บริษัทได้ลงนามความร่วมมือกับ PetroVietnam Power Corporation-JSC (รัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ของเวียดนาม) เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน เพื่อศึกษาการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เป็นเชื้อเพลิง ขนาดกำลังการผลิตรวม 3,000 เมกะวัตต์ รวมถึงการนำเข้าและจำหน่าย LNG เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับโรงงานผลิตไฟฟ้าในประเทศเวียดนาม

ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม Interchem กำลังการผลิตติดตั้ง 4.8 เมกะวัตต์ เดินหน้าก่อสร้างตามแผน มีความคืบหน้าในการก่อสร้างแล้ว 87% ซึ่งอยู่ระหว่างการวางระบบระบายน้ำของโครงการ และก่อสร้างอาคารซ่อมบำรุงและอาคารคาร์บอนแบล็ก โดยมีกำหนดการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนธันวาคม 2562

ปัจจุบันสัดส่วนกำลังการผลิตจากพลังงานหมุนเวียนได้เพิ่มขึ้นเป็น 30% จากเดิม 8% ในขณะที่สัดส่วนกำลังการผลิตจากโครงการในต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 25% จากเดิม 2% ตอกย้ำการเป็นบริษัทชั้นนำในระดับภูมิภาค ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาโครงการใหม่อีกเป็นจำนวนมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ในประเทศเกาหลีใต้ เวียดนาม กัมพูชา ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย เป็นต้น โดยในส่วนของโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคาได้ทยอยลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าและดำเนินการก่อสร้างในประเทศไทย โอมาน และฟิลิปปินส์ รวมแล้วกว่า 60 เมกะวัตต์

ความคืบหน้าการพัฒนาโรงไฟฟ้าใหม่ทดแทนโรงไฟฟ้าเดิมนั้น โครงการโรงไฟฟ้าทั้ง 5 ของบริษัทได้รับใบอนุญาตทั้งหมด พร้อมทั้งหนังสือตอบรับการซื้อไฟฟ้าจาก กฟผ.เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างรอลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าฉบับใหม่ที่มีอายุสัญญา 25 ปี โดยมีกำหนดการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2565 ขณะที่โครงการโรงไฟฟ้า ABP1 ซึ่งหมดอายุสัญญากับ กฟผ.เมื่อวันที่ 17 กันยายน ได้เริ่มเข้าสู่ช่วงการต่ออายุรับซื้อไฟฟ้าออกไปอีก 3 ปี ก่อนที่การก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ทดแทนโรงไฟฟ้าเดิมจะแล้วเสร็จ


นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน “Thailand Sustainability Investment (THSI)” ประจำปี 2562 ประกาศโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต่อเนื่องเป็นปีที่สอง
กำลังโหลดความคิดเห็น