คลังยันชิมช้อปใช้ประชาชนได้ประโยชน์ ช่วยพยุงเศรษฐกิจ มั่นใจรัฐมาถูกทาง โดยจะส่งผลให้มีเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจ 10,000 ล้านบาท ในทางเศรษฐศาสตร์เมื่อมีการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคจะเกิด Multiplier Effect ทำให้ผลกระทบรวมเพิ่มขึ้นเป็น 2.5-3.5 เท่า ในการกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชนภายในประเทศอันเป็นองค์ประกอบหลักของเศรษฐกิจไทยเป็นสำคัญ โดยการบริโภคภาคเอกชนมีสัดส่วนร้อยละ 50 ของจีดีพี
นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่ นายพิชัย นริพทะพันธ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โจมตีมาตรการชิมช้อปใช้ว่าแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ รัฐบาลหลงทาง พร้อมทั้งเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลาออกจากหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ โดยระบุว่า มาตรการชิมช้อปใช้เป็นมาตรการหนึ่งกระตุ้นเศรษฐกิจในภาวะที่ประเทศได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก เชื่อว่าจะสามารถกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย ส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ ทำให้เศรษฐกิจฐานรากของประเทศขับเคลื่อนไปได้ ที่สำคัญประชาชนทั่วประเทศได้ประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว และมั่นใจรัฐมาถูกทาง
ทั้งนี้ มาตรการชิมช้อปใช้มีวัตถุประสงค์ชัดเจน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายในประเทศ ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจจากเงินสนับสนุนของรัฐ 1,000 บาท และเงินที่ผู้ได้รับสิทธิเติมเงินเพื่อใช้จ่าย โดยได้รับเงินชดเชยอีกส่วนหนึ่ง ประชาชนมากกว่า 10 ล้านคนได้รับประโยชน์จากมาตรการ มีคนใช้สิทธิเต็ม 10 ล้านราย จะส่งผลให้มีเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจ 10,000 ล้านบาท ในทางเศรษฐศาสตร์เมื่อมีการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคจะเกิด Multiplier Effect ทำให้ผลกระทบรวมเพิ่มขึ้นเป็น 2.5-3.5 เท่า (ภายใต้เงื่อนไขประชาชนบริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 60-70 ของวงเงินที่ได้รับ) ในการกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชนภายในประเทศอันเป็นองค์ประกอบหลักของเศรษฐกิจไทยเป็นสำคัญ โดยการบริโภคภาคเอกชนมีสัดส่วนร้อยละ 50 ของจีดีพี
นอกจากนี้ ผู้ได้รับสิทธิสามารถใช้จ่ายเงินของตัวเองในร้าน “ชิมช้อปใช้” ได้มากถึง 30,000 บาทต่อคน โดยได้รับเงินชดเชยร้อยละ 15 ของยอดใช้จ่าย ทำให้จีดีพีขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก มั่นใจว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตามเป้าที่ร้อยละ 0.2