หมั่นคอยดูแลและรักษาดวงใจด้วย“ไลฟ์คัปเปิล”

จากชีวิตแต่งงานยาวนานเกือบ 20 ปี และการพบนักบำบัดร่วม 10 คน กลายมาเป็นแอปพลิเคชันใหม่เพื่อช่วยให้คนสองคนรับมือความท้าทายในความสัมพันธ์ที่ต้องพบในชีวิตประจำวัน พร้อมคำแนะนำมากมาย เช่น การละลายพฤติกรรมเพื่อเพิ่มสีสันในคำพูดคำจา การเติมความหวานด้วยการส่งของขวัญออนไลน์ ฯลฯ

ในยุคที่เว็บหาคู่มีมากมาย แต่หลังจากตกลงปลงใจกันแล้วมีปัญหา หลายคู่ไม่รู้จะพึ่งใครและอยากมีที่ปรึกษาออนไลน์มากกว่าการไปนั่งเล่าเรื่องส่วนตัวกับนักบำบัด ซึ่งผู้ชายส่วนใหญ่คิดว่า ไม่ต่างจากการรักษารากฟันที่เลี่ยงได้เป็นเลี่ยง

ไลฟ์คัปเปิล สตาร์ทอัพจากการก่อตั้งของฌอน โรนส์ อดีตเซลส์แมนและผู้บริหารฝ่ายการตลาดในแคลิฟอร์เนีย คือคำตอบสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาความสัมพันธ์

นอกจากอิงกับงานวิจัยของนักจิตวิทยาด้านความสัมพันธ์แล้ว แอปพลิเคชันไลฟ์คัปเปิลยังมาจากประสบการณ์จริงของโรนส์ที่บอกว่า ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ชอบไปพบนักบำบัด

เขาเล่าว่า ชีวิตแต่งงานนาน 19 ปีจนถึงวันนี้ กับการพบนักบำบัดประมาณ 8 คน ทำให้เขาตกผลึกความคิดที่กลายมาเป็นไลฟ์คัปเปิล

โรนส์บอกว่า การที่ต้องพาตัวเองและภรรยาไปพบนักบำบัดเพื่อให้ได้การบ้านกลับมาทำ ประกอบกับเทคโนโลยียุคปัจจุบัน ทำให้เขาคิดว่า วิธีที่ดีที่สุดในการบำบัดปัญหาชีวิตคู่น่าจะอยู่ในรูปแบบดิจิตอลมากกว่า และการล็อกอินเข้าไปในแอปทุกวันยังดีกว่าการไปนั่งเล่าเรื่องส่วนตัวให้คนแปลกหน้าอย่างนักบำบัดฟัง

ไลฟ์คัปเปิลช่วยให้คู่ครองหรือคนรักรับมือและติดตามความท้าทายในความสัมพันธ์ ด้วยการนำเสนอเนื้อหาที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมให้คนพิจารณาความสัมพันธ์ของตัวเอง ซึ่งรวมถึงความท้าทายที่พบในชีวิตประจำวัน การละลายพฤติกรรมเพื่อเพิ่มลูกเล่นในบทสนทนา การให้ของขวัญเติมความหวานทางออนไลน์ และอื่นๆ

แอปนี้มีฟีเจอร์มากมาย แต่จะเน้น 4 ส่วนสำคัญคือ การสื่อสาร ความไว้ใจ ความใกล้ชิด และการแก้ไขความขัดแย้ง

หลังจากสมัครใช้งาน แอปจะแจ้งให้ผู้ใช้ให้คะแนนความพึงพอใจ (ระดับคะแนน 1 -10) ในแง่มุมต่างๆ ของความสัมพันธ์ เช่น ความใกล้ชิด ถ้าฝ่ายหนึ่งให้เต็มสิบ แต่อีกฝ่ายให้แค่คะแนนเดียว แอปจะแจ้งเตือนและเสนอเครื่องมือช่วยจนกว่าปัญหาดังกล่าวจะได้รับการแก้ไข

ไลฟ์คัปเปิลยังพัฒนากิจกรรมแบบอินเทอร์แอ็กทีฟโดยอิงกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหรือทั้งคู่เพื่อช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจตัวเองและคนรักมากขึ้น

โรนส์หวังว่า ผู้ใช้จะใช้ไลฟ์คัปเปิลเพื่อรักษาความสัมพันธ์ให้แฮปปี้ต่อเนื่อง แทนที่จะเปิดแอปเมื่อสถานการณ์เลวร้ายและจำเป็นต้องหาผู้ช่วย โดยไลฟ์คัปเปิลจะส่งข้อความเตือนเป็นระยะให้เช็คสุขภาพความสัมพันธ์ เพื่อประเมินและระบุสิ่งที่จำเป็นต้องให้ความสนใจ เขายังย้ำว่า แอปนี้ออกแบบมาเพื่อเป็นส่วนเสริม ไม่ใช่ใช้แทนการบำบัดชีวิตคู่

สตาร์ทอัพแห่งนี้คาดหวังช่วยให้ผู้ใช้สร้างเป้าหมายความสัมพันธ์ ลงมือทำเพื่อให้บรรลุผล ติดตามเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง โดยเจียดเวลาวันละ 15 นาทีเพื่อใช้ประโยชน์จากไลฟ์คัปเปิลให้คุ้มค่าที่สุด

ไลฟ์คัปเปิลยังมาพร้อมเครื่องมือดูแลรักษาความสัมพันธ์อีกมากมาย เช่น “บัญชีธนาคารอารมณ์” ที่ช่วยให้ผู้ใช้กำหนดคะแนนสำหรับบางสิ่งที่มีความหมาย เช่น ฝ่ายหนึ่งอาจให้ 200 คะแนนสำหรับ “การใช้เวลาร่วมกัน” หรือ “การช่วยทำงานบ้าน” ซึ่งเมื่ออีกฝ่ายทำสิ่งเหล่านั้นก็จะได้ 200 คะแนนบันทึกในแอป

อีกหนึ่งฟีเจอร์พิเศษคือ “คาเฟ่ความสัมพันธ์” ที่ผู้ใช้สามารถเข้าไปดูเนื้อหาจากผู้เชี่ยวชาญและทรัพยากรอื่นๆ ในรูปวิดีโอ พ็อดแคสต์ และการสัมมนาบนเว็บ รวมทั้งข้อความสร้างแรงบันดาลใจประจำวันในหัวข้อเกี่ยวกับความสัมพันธ์

เกล เฮย์เมน ศาสตราจารย์จิตวิทยาของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานดิเอโก ที่ศึกษาด้านการเรียนรู้ทางสังคมและมีแอปของตัวเองชื่อว่า “บียอนด์ สมอลล์ ทอล์ก” ที่ช่วยกระชับสัมพันธภาพให้แน่นแฟ้นมั่นคง บอกว่า ไลฟ์คัปเปิลมีศักยภาพที่จะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่เด่นชัดต่อความสัมพันธ์ สิ่งหนึ่งที่เธอชอบคือ การทำให้คนสองคนรับรู้ความคิดของกันและกัน

อย่างไรก็ตาม เฮย์แมนบอกว่า ยังกังวลกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ ที่กลายเป็นกำแพงขวางกั้นความสัมพันธ์ในแง่ของการแย่งชิงความสนใจ โดยอ้างอิงงานวิจัยหลายชิ้นที่แสดงให้เห็นว่า เทคโนโลยีบ่อนทำลายความใกล้ชิดในความสัมพันธ์ เธอยังตั้งข้อสังเกตว่า ไลฟ์คัปเปิลโฟกัสที่ผลลัพธ์ ตัวเลข และเปอร์เซ็นต์ จึงอาจทำให้ผู้ใช้หมกมุ่นและกลายเป็นการแข่งขันซึ่งอาจไม่ใช่เป้าหมายที่แอปนี้ต้องการ

ไลฟ์คัปเปิลก่อตั้งขึ้นในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว มีผู้ใช้ 2,500 คนหลังเปิดตัวแบบไม่เป็นทางการได้เพียง 2 เดือน ซึ่งโรนส์บอกว่า เป็นการแนะนำกันปากต่อปาก เขาสำทับว่า แม้ยังไม่ได้ทำการตลาด แต่บริษัทได้รวบรวมความคิดเห็นจากลูกค้ามาแก้ไขปรับปรุงฟีเจอร์ต่างๆ

ปีนี้สตาร์ทอัพแห่งนี้ระดมทุนรอบ Seed ได้ 575,000 ดอลลาร์

โรนส์มีแผนการใหญ่สำหรับอนาคตของไลฟ์คัปเปิล ซึ่งรวมถึงการรีแบรนด์เป็น “เดอะ ไลฟ์ คอมปานี” และขยายเข้าสู่ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูก และนายจ้างกับลูกจ้าง

ไลฟ์คัปเปิลเล็งเก็บค่าบริการโดยอิงกับระบบสมาชิกปีละ 144 ดอลลาร์ แต่สำหรับตอนนี้ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดฟรีทั้งบนแอปสโตร์ของแอปเปิล และกูเกิลเพลย์ของแอนดรอยด์