อานิสงส์สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน แนะไทยสร้างความได้เปรียบดึงทุนไต้หวัน

ผลพวงจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ทำให้บรรดานักลงทุนที่เคยอาศัยฐานการผลิตที่จีนเริ่มระส่ำ หลังจากสหรัฐฯ ออกมาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมาหลายระลอก ทำให้การผลิตและการส่งออกจากจีนเริ่มไม่ใช่หนทางการทำธุรกิจที่ดีอีกต่อไป จนนักลงทุนหลายรายเริ่มถอดใจและย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่นๆ แทน

นายเฉินหรงจิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจแห่งไต้หวัน กล่าวว่า สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนส่งผลให้ขณะนี้ได้มีนักลงทุนไต้หวันย้ายฐานการผลิตจากจีนกลับมาไต้หวันเพิ่มมากขึ้น โดยปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 8 แสนล้านดอลลาร์ไต้หวัน หรือราว 8 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มไอที อิเล็กทรอนิกส์ สินค้าไฮเอนด์ มีผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจไต้หวันในช่วงไตรมาส 2/2562 สูง 2.4% แซงหน้าสิงคโปร์ เกาหลีใต้ และฮ่องกง

นับเป็นการย้ายฐานของนักลงทุนกลับไต้หวันครั้งใหญ่ ทำให้รัฐบาลไต้หวันเตรียมความพร้อมรับการลงทุนในประเทศที่เพิ่มขึ้น ทั้งความต้องการที่ดิน และระบบสาธารณูปโภคทั้งไฟฟ้าและน้ำ พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนว่าจะไม่มีปัญหาขาดแคลนไฟฟ้า เนื่องจากรัฐบาลได้มีการกำหนดแผนพัฒนาพลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ที่มีเป้าหมายการขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นจาก 6,420 เมกะวัตต์ในปี 2561 เป็น 30,161 เมกะวัตต์ในปี 2568

ขณะเดียวกัน ก็สนับสนุนให้นักลงทุนไต้หวันย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่นๆ ในแถบอาเซียนและเอเชียใต้ เช่น ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินเดีย เป็นต้น จึงเป็นโอกาสที่ดีของประเทศไทยในการดึงดูดกลุ่มทุนไต้หวัน เนื่องจากไทยก็มีโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) นับเป็นแม่เหล็กดูดการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย แต่ทั้งนี้ รัฐบาลไทยต้องสร้างจุดเด่น ความได้เปรียบเหนือประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ พร้อมทั้งสร้างความเชื่อมั่นเรื่องทรัพย์สินของนักลงทุน สิทธิประโยชน์และนิคมฯ รองรับการลงทุน เป็นต้น หลังจากนักลงทุนไต้หวันเผชิญการประท้วงของแรงงานเวียดนามในช่วงที่ผ่านมา

****ผุดนิคมฯ ยามาโตะรองรับ EEC

นายมงคล สุขเกษมไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไวร์มาสแตอร์อินดัสตรี้ (ไทยแลนด์) เป็นนักลงทุนที่มองเห็นโอกาสการทำธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมบนพื้นที่จังหวัดเป้าหมายใน EEC โดยตัดสินใจซื้อกิจการนิคมอุตสาหกรรมยามาโตะ อินดัสทรีส์ อ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี มีพื้นที่ 690 ไร่ ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ให้เป็นนิคมฯ รองรับอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และอุตสาหกรรมเป้าหมายอื่นๆ

ขณะนี้ได้มีการยื่นขอปรับผังพื้นที่มาสเตอร์แพลนใหม่จากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย คาดว่าจะได้รับการอนุมัติ หลังจากนั้นจะเริ่มดำเนินการจัดสรรพื้นที่ในการจำหน่ายให้แก่นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติในปีหน้า รวมทั้งเข้าไปพัฒนาระบบสาธารณูปโภคทั้งหมด โดยนิคมฯ ดังกล่าวจะมีจุดเด่นในการให้บริการสร้างโรงงานให้แก่นักลงทุนได้รวดเร็วเสร็จภายใน 3 เดือน เนื่องจากบริษัทได้ทำธุรกิจจำหน่ายเหล็กอยู่แล้ว รวมทั้งให้บริการคำปรึกษาแก่นักลงทุนต่างชาติที่อาจมีข้อสงสัยเพิ่มเติม

ขณะเดียวกัน เริ่มมีกลุ่มลูกค้าให้ความสนใจที่จะเข้ามาจับจองพื้นที่ในนิคมฯ บ้างแล้ว สวนใหญ่เป็นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมเคลือบผ้าผืน ฯลฯ โดยยังไม่มีแผนที่จะขยายพื้นที่เพิ่มเติม แต่จะเน้นดูแลลูกค้าในมือให้ดีที่สุด