xs
xsm
sm
md
lg

ฮอนด้า แอคคอร์ด 1.5 Turbo แรง ประหยัด ลงตัวที่คำว่า "คุ้มค่า"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:










ฮอนด้า แอคคอร์ด ถือกำเนิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 1976 และพัฒนาต่อเนื่องมาจนถึงเจเนอเรชันที่ 10 แล้วในปัจจุบัน ซึ่งแต่ละเจเนอเรชันที่เปิดตัวออกมานั้น สร้างกระแสและบรรทัดฐานใหม่ให้กับวงการยานยนต์ไว้มากมาย รวมถึงครั้งนี้ด้วยเช่นกันกับเทคโนโลยีใหม่ที่ใส่เข้ามาให้








แน่นอนว่า เมื่อกล่าวแบบนี้ หลายคนจะนึกถึง ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง และระบบไฮบริด ... ถูกต้อง แต่ยังไม่ใช่ในครั้งนี้ เพราะเรากำลังจะนำเสนอเทคโนโลยีเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบ ที่เรียกได้ว่า เปลี่ยนโลกและการรับรู้ใหม่ทั้งหมดไปอย่างสิ้นเชิง หลังจากที่ได้ลองขับแบบเต็มๆ ในเมืองไทย











ถ้าท่านเป็นแฟนของพวกเราจะทราบว่า ทีมงาน “เอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง” ได้เดินทางไปทดลองขับ ฮอนด้า แอคคอร์ด รุ่นนี้ครั้งหนึ่งแล้ว ที่อเมริกา (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม) และรถที่ได้ลองขับเป็นเวอร์ชันที่จำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกาเลยมีหลายออฟชั่นที่แตกต่างกันออกไปกับรุ่นที่จะมาขายในเมืองไทย ฉะนั้นการมาลองคราวนี้ จึงนับเป็นครั้งที่สอง ทุกอย่างจะกระจ่างชัดเจนยิ่งขึ้น





1.5 แรงและประหยัดทำได้จริง




บนพื้นฐานความรู้ทางวิศวกรรม เราทุกคนทราบดีว่า การจะทำรถยนต์ให้แรงนั้น มักจะสวนทางกับเรื่องของความประหยัด หรือง่ายๆ ว่า อยากแรงต้องแลก ด้วยอัตราการบริโภคน้ำมันที่ดุเดือด แต่ด้วยวิวัฒนาการ ทำให้วันนี้ เทคโนโลยี เทอร์โบ สามารถตอบโจทย์ของคำว่า แรงและประหยัดควบคู่กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว












เครื่องยนต์บล็อก 1.5 ลิตร เทอร์โบตัวนี้ มากับรหัส L15BG ซึ่งเป็นตัวเดียวกันกับที่ใช้ในรุ่นซีวิค แต่ทว่ามีการเปลี่ยนชิ้นส่วนในระบบไอดีและปรับจูนให้มีความเหมาะสมกับสไตล์การขับขี่ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายรุ่นแอคคอร์ด โดยชนกับเกียร์อัตโนมัติแบบ ซีวีที ที่สามารถปรับเล่นเกียร์แบบเกียร์ธรรมดาได้โดยผ่านแพดเดิลชิฟ











ด้านพิกัดกำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 243 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. มีตัวเลขที่ไม่คงที่ ขึ้นกับปัจจัยหลายประการ เช่น น้ำมัน เนื่องจากสามารถใช้ได้ทุกชนิดถึง อี 85 ดังนั้นไม่สามารถระบุเป็นตัวเลขที่แน่นอนได้ ความเร็วสูงสุด 190 กม./ชม. อัตราการบริโภคน้ำมันเฉลี่ยระบุที่ 16.4 กม./ลิตร












สำหรับดีไซน์ภายนอกออกแบบบนพื้นฐานแนวคิดที่ตั้งใจเพิ่มพื้นที่ในห้องโดยสาร จึงมีการขยายมิติตัวถังในหลายสัดส่วน ทั้งความยาว ความกว้างเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันมีการลดระดับความสูงจากใต้ท้องลดลง เพื่อการขับขี่ที่ดีขึ้น ส่วนล้อจะเป็นขนาด 17 นิ้ว ต่างจากรุ่นไฮบริดที่เป็นล้อขนาด 18 นิ้ว











ออฟชั่นเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ใครหลายคนคำนึงถึง ทีมผู้บริหารฮอนด้ายอมรับว่า การไม่นำระบบฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING ) ซึ่งเป็นระบบความปลอดภัยล้ำสมัยเข้ามาในรุ่นนี้ เนื่องจากต้องการตั้งราคาให้สามารถจำจองเจ้าของได้ง่ายขึ้น โดยมีเพียงเกรดเดียว แต่หากมีความต้องการจากลูกค้า อาจจะมีการเพิ่มเกรดไลน์การขายในอนาคตได้












ทั้งนี้ ออฟชั่นที่ให้มาเป็นพื้นฐานนั้น อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ โดยมีทั้งระบบเลนวอทช์ ที่ถ่ายทอดภาพจากเลนซ้ายทุกครั้งเมื่อเราให้สัญญาณไฟเลี้ยวซ้าย ช่วยเพิ่มความปลอดภัยอีกระดับหนึ่ง พร้อมกล้องมองภาพทางด้านหลังที่มีตัวช่วยกะระยะในการถอย

















ขับสนุก ลุกนั่งสบาย




การขับขี่ในครั้งนี้ ทีมงานฮอนด้า เลือกจังหวัดเชียงใหม่ โดยวางเส้นทางแบบขึ้นลงเขาและโค้งไม่โหดนัก รวมระยะทางการขับราว 172 กม. ผู้เขียนขึ้นนั่งประจำการในตำแหน่งผู้ขับก่อน สำรวจตรวจภายในสิ่งที่สะดุดตาเป็นอันดับแรก คือ หน้าปัดแสดงผล




หน้าปัดใหม่ของแอคคอร์ด จะแบ่งเป็น สองส่วน คือ ฝั่งขวาจะเป็นแบบอนาล็อก เข็มไมล์แบบเรืองแสง ส่วนฝั่งซ้าย จะเป็นจอแบบ TFT ที่สามารถปรับเปลี่ยนให้แสดงผลได้ทั้งรอบเครื่องยนต์ อัตราสิ้นเปลือง รวมถึงรายละเอียดอื่นๆ ได้หลายรายการ รวมถึงอัตราการบูสต์ของเทอร์โบด้วย เมื่อปรับเข้าสู่โหมดการขับแบบสปอร์ต














เหยียบคันเร่งออกตัว ประทับใจในอัตราเร่ง ตอบสนองทันท่วงที กระฉับกระเฉง ไม่มีอาการอืดแต่อย่างใด เมื่อเข้าสู่ช่วงถนนที่สามารถทำความเร็วได้ เราลองเร่งแซง กดคันเร่งแบบคิกดาวน์จะพบกับความสนุกในทุกย่านความเร็ว ไม่มีการรอรอบ ต่างจากนิสัยของเกียร์แบบซีวีทีของยี่ห้ออื่น แต่หากอยากให้การตอบสนองที่ไวขึ้นอีกแนะนำให้ใช้แพดเดิลชิฟ




ซึ่งการใช้แพดเดิลชิฟนั้น นอกจากช่วยให้เราขับสนุกแบบเกียร์ธรรมดาได้ ยังช่วยในเรื่องของการเบรกด้วยเครื่องยนต์ได้อีกทางหนึ่ง เวลาที่เราต้องขับลงเขา เป็นเวลานานๆ ช่วยให้ระบบเบรกไม่ทำงานหนักจนเกินไปหรือผ้าเบรกได้รับความเสียหาย















ความเร็วสูงสุดที่เราขับได้ คือ 180 กม./ชม การทรงตัวยังคงนิ่ง มั่นใจได้แม้ขับด้วยความเร็วสูง ดังนั้นความเร็วที่ต่ำกว่านี้ ไม่ต้องบรรยายว่า จะสบายแค่ไหน เสียงลมปะทะจะดังรบกวนที่ความเร็วเกินกว่า 160 กม./ชม. เป็นต้นไป โดยไม่ได้ดังมาจากกระจกหน้า แต่น่าจะเป็นเสียงลมที่ดังมาจากรอยต่อของเสาบี แสดงให้เห็นถึงการออกแบบที่ลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่น่าทึ่ง




เมื่อขับแล้วให้ความรู้สึกว่า รถวิ่งนิ่งได้อย่างนี้ ต้องขอบคุณการปรับปรุงระบบช่วงล่างให้มีการผสานระหว่างความนุ่มนวลและสปอร์ตที่ลงตัว ไม่แข็งจนเกินไป รวมถึงการใช้เทคโนโลยีตัวถังใหม่ที่เพิ่มความแข็งแกร่งลดการบิดตัวและการลดระดับความสูงลงมาด้วย
















อีกหนึ่งสิ่งที่ประทับใจแบบสัมผัสได้ คือ น้ำหนักของพวงมาลัยไฟฟ้าที่ปรับความหนักตามความเร็วของตัวรถ ขับช้าพวงมาลัยจะเบามือมาก คุณผู้หญิงขับได้สบายไม่ว่าจะใช้งานในเมืองหรือวิ่งนอกเมืองทางยาวๆ




ขณะที่การเบรกต้องขอชมอีกว่า น้ำหนักดีงาม ไม่จับไวจนเกินไปเหมือนเช่นรุ่นก่อนๆ ที่มักจะเกิดอาการเบรกหัวทิ่มได้ง่ายๆ แอคคอร์ด เจน10 โฉมนี้ การเบรกอุ่นใจได้ในทุกจังหวะ ความเร็วที่เราขับในรอบนี้อยู่ราว 80-140 กม./ชม. ตามแต่จังหวะการจราจร โดยเร่งแซงแบบคิกดาวน์สม่ำเสมอ ทำให้ผลลัพธ์ด้านอัตราการบริโภคน้ำมันตามการแสดงผลของหน้าจอระบุค่าเฉลี่ยที่ 9.4 กม./ลิตร น่าประทับใจ












ภาพรวมของการขับขี่ คือ ประทับใจในความแรงที่บอกได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า ขับสนุก แรงสู้กับเครื่องยนต์ขนาดความจุ 2.3-2.5 ลิตร ที่ไม่มีเทอร์โบได้อย่างสบายๆ และมีอัตราการบริโภคน้ำมันเฉลี่ยดีกว่ารุ่น 2.0 ลิตรเสียอีก












เหมาะกับใคร



ผู้หลักผู้ใหญ่หรือวัยรุ่นที่ชอบรถใหญ่ขับสนุก ได้ความสบายที่ใกล้เคียง แต่มีขนาดใหญ่กว่ารถยุโรป ด้วยเม็ดเงินที่ย่อมเยากว่าเล็กน้อย โดยทำใจกับออฟชันที่หายไป กับค่าตัว 1,475,000 บาท นับว่าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าเมื่อคุณกำลังมองหารถซีดานขนาดใหญ่ เพราะเมื่อเทียบกับการขยับไปคบหากับรุ่นไฮบริด จะมีส่วนต่างราคาราวสามแสนกว่าบาท ซึ่งเก็บเงินส่วนนี้ไว้ ท่านสามารถเติมน้ำมัน แอคคอร์ด 1.5 เทอร์โบ ได้อีกสี่ปีสบายๆ












กำลังโหลดความคิดเห็น