xs
xsm
sm
md
lg

ทำเนียบขาวร่อนจดหมายด่วน “ขอเลื่อน” มาตรการจำกัดหัวเหว่ย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:


รอยเตอร์ - รัสเซล วอต(Russell Vought) รักษาการหัวหน้างบประมาณทำเนียบขาวได้ส่งจดหมายไปยัง ไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ และสภาคองเกรสสหรัฐฯ ขอให้เลื่อนการใช้มาตรการจำกัดหัวเหว่ยออกไป ด้าน สตีฟ มนูชิน รัฐมนตรีการคลังสหรัฐฯชี้ หากคุยปัญหาการค้ากับจีนคืบ ประธานาธิบดีสหรัฐฯอาจผ่อนคลายข้อกำหนดการจำกัดกับหัวเหว่ย

รอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้(9 มิ.ย)ว่า รักษาการหัวหน้างบประมาณประจำทำเทียบขาวของชุดรัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ร้องขออย่างเป็นทางการให้เลื่อนเวลาการใช้ข้อจำกัดกับบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ “หัวเหว่ย” ของจีน อ้างอิงจากจดหมายที่ส่งไปยังรองประธานาธิบดีสหรัฐฯและสมาชิกสภาคองเกรสอีก 9 คน

ซึ่งจดหมายที่ถูกส่งออกไปในวันอังคาร(4) โดย รัสเซล วอต(Russell Vought) รักษาการหัวหน้างบประมาณทำเนียบขาวได้ร้องขอให้ข้อจำกัดบางส่วนต่อการขายของหัวเหว่ยให้ถูกเลื่อนออกไป 2 ปี “เพื่อทำให้มั่นใจถึงการบังคับอย่างมีประสิทธิภาพต่อข้อห้าม โดยที่ไม่ต้องต่อรองจุดประสงค์ทางความมั่นคง”

ที่การประชุม G20 ของรัฐมนตรีการคลังชาติสมาชิกในฟูกุโอกะ ญี่ปุ่น เมื่อวันอาทิตย์(9) สตีฟ มนูชิน รัฐมนตรีการคลังสหรัฐฯกล่าวว่า บางทีผู้นำสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ อาจผ่อนคลายการจำกัดต่อหัวเหว่ยหากว่า มีความก้าวหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ แต่ยังคงเสริมว่า หากว่าปราศจากข้อตกลง ทางวอชิงตันจะเลือกที่จะเดินหน้าขึ้ภาษีต่อไปเพื่อลดการขาดดุล

ทั้งนี้พบว่างบประมาณเพนตากอนปี 2020 ที่ถูกลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายในปีที่ผ่านมาได้วางข้อห้ามอย่างกว้างขวางต่อหน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯและบริษัทที่เข้ารับงานของรัฐ ห้ามไม่ให้ใช้เงินรัฐบาลกลางสหรัฐฯในการสั่งซื้อสินค้าหัวเหว่ย โดยชี้ไปถึงเหตุผลด้านความปลอดภัยเป็นสำคัญ

ซึ่งจดหมายที่รอยเตอร์ได้เห็นระบุว่า ตารางเวลาสำหรับการจำกัดต่อหัวเหว่ยจะส่งผลการลดจำนวนครั้งใหญ่สำหรับจำนวนของบริษัทเอกชนที่สามารถขายสินค้าให้กับรัฐบาลสหรัฐฯได้

จดหมายของวอตได้ร้องขอให้การจำกัดจากการซื้ออุปกรณ์ของหัวเหว่ยที่มีผลบังคับใช้ต่อบริษัทคอนแทรคเตอร์ของรัฐเป็นระยะเวลา 4 ปีแทนที่จะเป็น 2 ปี ซึ่งการบังคับใช้ให้ล่าช้าออกไปจะช่วยทำให้มีเวลาคิดผ่านผลกระทบสำคัญอย่างสอดคล้องและทางออกที่เป็นไปได้

การเปลี่ยนแปลงนี้จะยังคงต้องรับฟังทางสาธารณะที่มากขึ้นสำหรับบรรดาซัพพลายเออร์ทั้งหลายในการแสดงความวิตกต่อปัญหาที่อาจเกิดมาจากคำสั่งห้าม

ในเมืองฟูกุโอกะ มนูชินกล่าวว่า “ผมคิดว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯกำลังกล่าวว่า หากเราสามารถคืบหน้าทางการค้าได้ ดังนั้นบางทีเขาอาจจะต้องการทำบางสิ่งบางอย่างต่อหัวเหว่ย หากว่าเขาได้รับการปลอบประโลมจากจีนเกี่ยวกับสิ่งนั้นและหลักประกันบางประการ แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาด้านความมั่นคง”

ทั้งนี้วอชิงตันได้ขึ้นบัญชีดำบริษัทหัวเหว่ยของจีน ส่งผลในทันทีต่อการห้ามบริษัทสหรัฐฯที่จะทำธุรกิจกับหัวเหว่ย และวอชิงตันยังใช้อิทธิพลบีบบังคับพันธมิตรของสหรัฐฯให้ปิดกั้นหัวเหว่ยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม มนูชินได้ยืนยันในการให้สัมภาษณ์กับ CNBC สื่อสหรัฐฯว่า “เหมือนที่เราได้เคยพูดมาตลอด การหารือประเด็นหัวเหว่ยนั้นเกี่ยวข้องกับความมั่นคงประเทศ ซึ่งมันแยกออกมาจากประเด็นทางการค้า” และเสริมต่อว่า “หากว่าทางจีนต้องการเดินหน้าข้อตกลง ทางเราพร้อมที่จะเดินหน้าในส่วนที่เราได้ทำเสร็จสิ้น แต่หากว่าทางจีนไม่ต้องการที่จะมีความก้าวหน้า ดังนั้นแล้วประธานาธิบดีทรัมป์มีความยินดีเป็นอย่างมากที่จะไปข้างหน้าพร้อมกับภาษีศุลกากรเพื่อปรับดุลความสัมพันธ์ใหม่
กำลังโหลดความคิดเห็น